RSI 6 12 24 คือ อะไร? เลือกใช้ RSI แบบไหนดีที่สุดสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ

บทนำ: RSI 6, 12, 24 คืออะไร? ทำไมต้องสนใจความแตกต่างของช่วงเวลา?

ในโลกการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนและเทรดเดอร์หลายคนมักหันไปพึ่งพาเครื่องมือทางเทคนิคเพื่อช่วยกำหนดทิศทางในการตัดสินใจ หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงคือ RSI หรือ Relative Strength Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดโมเมนตัมที่ช่วยประเมินความเข้มข้นของการเคลื่อนไหวราคา เพื่อระบุสถานะที่สินทรัพย์อาจถูกซื้อมากเกินหรือขายมากเกินไป โดยปกติแล้ว RSI 14 ถือเป็นค่ามาตรฐานที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เลือกใช้ แต่การทำความเข้าใจและนำ RSI 6, 12, 24 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สั้นและยาวกว่าไปปรับใช้ จะช่วยให้คุณปรับแต่งกลยุทธ์ให้เหมาะกับรูปแบบการเทรดและระดับความผันผวนของตลาดได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะอธิบายถึงความแตกต่างหลักของ RSI ในแต่ละช่วงเวลา พร้อมแนะนำวิธีนำไปใช้จริงในตลาดไทย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อให้คุณเลือกใช้ RSI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Trader analyzing RSI 6, 12, 24 on volatile market chart

ทำความเข้าใจ RSI พื้นฐาน: สูตรการคำนวณและหลักการทำงาน

ก่อนที่จะลงลึกไปยัง RSI 6, 12, 24 ลองมาทบทวนพื้นฐานของ RSI กันก่อน Relative Strength Index ถูกพัฒนาโดย J. Welles Wilder Jr. เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนโมเมนตัมของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 สูตรคำนวณของ RSI พิจารณาจากค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นและลดลงของราคาในจำนวนแท่งเทียนที่กำหนด เช่น ถ้าใช้ RSI 14 ก็จะดึงข้อมูลจาก 14 แท่งย้อนหลัง แม้สูตรจะดูซับซ้อน แต่แพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่จะจัดการคำนวณให้อัตโนมัติ

ค่าที่ได้จาก RSI ช่วยชี้สถานะตลาดสำคัญสองด้าน

  • Overbought (ซื้อมากเกินไป): มักเกิดเมื่อเส้น RSI ทะลุ 70 ซึ่งบ่งบอกว่าราคาอาจสูงเกินจริงและใกล้ปรับฐานลง แต่ในตลาดขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ค่านี้อาจค้างอยู่นาน
  • Oversold (ขายมากเกินไป): เมื่อเส้น RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าราคาอาจต่ำเกินและพร้อมฟื้นตัว ในทางตรงกันข้าม ตลาดขาลงรุนแรงอาจทำให้ค่านี้ยืดเยื้อ

การเข้าใจหลักการเหล่านี้เป็นฐานรากสำคัญในการนำ RSI ไปวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขายให้แม่นยำยิ่งขึ้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ลองศึกษาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Investopedia

RSI formula and overbought oversold zones on chart

เจาะลึก RSI 6, 12, 24: ความแตกต่างและจุดเด่นของแต่ละช่วงเวลา

การเลือกช่วงเวลาสำหรับ RSI มีผลต่อความไวในการตอบสนองและการตีความสัญญาณ โดยเฉพาะ RSI 6, 12, 24 ที่แต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน

RSI 6 คืออะไร? เหมาะกับการเทรดแบบไหน?

RSI 6 คำนวณจากข้อมูลราคา 6 แท่งย้อนหลัง ทำให้มีความไวสูงและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับเทรดระยะสั้น เช่น Day Trade หรือ Scalping ที่ต้องการจับจังหวะเคลื่อนไหวในกรอบเวลาสั้น

  • ข้อดี: จับสัญญาณได้ไว ไม่พลาดโอกาสในตลาดผันผวน
  • ข้อเสีย: เสี่ยงต่อสัญญาณหลอกบ่อย เนื่องจากเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ทำให้เส้นแกว่งแรง

เทรดเดอร์ที่เลือก RSI 6 มักต้องเฝ้าจอและตัดสินใจทันที พร้อมจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด

RSI 12 คืออะไร? จุดสมดุลระหว่างความเร็วและความแม่นยำ

RSI 12 อยู่ตรงกลางระหว่างความไวของ RSI 6 กับความนิ่งของ RSI 24 หรือ 14 เหมาะกับเทรดระยะกลางที่ต้องการสัญญาณน่าเชื่อถือแต่ยังคล่องตัว

  • ข้อดี: ลด噪音รบกวนได้ดีกว่า RSI 6 ทำให้สัญญาณแม่นยำขึ้น แต่ยังเร็วกว่า RSI 14
  • ข้อเสีย: อาจมีสัญญาณหลอกบ้างเมื่อเทียบกับช่วงยาว และช้าสำหรับ Scalping

RSI 12 จึงเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับเทรดเดอร์ที่ปรับตัวตามตลาดได้

RSI 24 คืออะไร? สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการความมั่นคง

RSI 24 ใช้ข้อมูล 24 แท่ง ทำให้เส้นนิ่งและตอบสนองช้า เหมาะกับการลงทุนยาวหรือ Swing Trade ที่มุ่งจับแนวโน้มหลัก

  • ข้อดี: สัญญาณมั่นคง ลดสัญญาณหลอก เหมาะตัดสินใจรอบคอบ
  • ข้อเสีย: สัญญาณมาช้า อาจพลาดจุดเข้าต้นแนวโน้ม

นักลงทุน RSI 24 มักมองภาพใหญ่ ไม่สะเทือนกับผันผวนระยะสั้น

นี่คือตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักของ RSI สามช่วงเวลา

คุณสมบัติ RSI 6 RSI 12 RSI 24
ความไว สูงมาก (ตอบสนองเร็ว) ปานกลาง (สมดุล) ต่ำ (ตอบสนองช้า)
สัญญาณหลอก บ่อย ปานกลาง น้อย
เหมาะกับ Day Trade, Scalping Short-to-Medium Term Trade Long-term Investing, Swing Trade
ความน่าเชื่อถือ ต่ำ ปานกลาง สูง
สไตล์การเทรด รวดเร็ว, จับจังหวะ ยืดหยุ่น, จับแนวโน้มย่อย เน้นแนวโน้มหลัก, รอบคอบ
Comparison of RSI 6, 12, 24 lines on chart

RSI 7 vs RSI 14 คืออะไร? เปรียบเทียบความนิยมและประสิทธิภาพ

นอกจาก RSI 6, 12, 24 แล้ว RSI 7 และ RSI 14 ก็เป็นช่วงเวลาที่เทรดเดอร์ชื่นชอบ โดย RSI 14 เป็นมาตรฐานที่ยอมรับกว้างขวางในวงการวิเคราะห์เทคนิค

RSI 14 มักเป็นค่าเริ่มต้นในแพลตฟอร์มเทรด เพราะให้สมดุลระหว่างความไวและความน่าเชื่อถือ เหมาะกับการวิเคราะห์แนวโน้มตั้งแต่ระยะกลางถึงยาว

ส่วน RSI 7 จัดเป็นกลุ่มระยะสั้น มีความไวมากกว่า RSI 14 แต่เสถียรกว่า RSI 6 มักใช้โดยเทรดเดอร์ที่ต้องการสัญญาณเร็วสำหรับเทรดสั้น-กลาง แต่ลด噪音ได้ดีกว่า

การเลือก RSI 7 หรือ 14 ขึ้นกับสไตล์และความเสี่ยงที่ยอมรับ

  • RSI 14: สำหรับผู้ต้องการสัญญาณมั่นคงและภาพแนวโน้มชัด ลดสัญญาณหลอก
  • RSI 7: สำหรับผู้ชอบจับจังหวะเร็ว ยอมรับสัญญาณหลอกเพิ่ม

ไม่ว่าจะเลือกอะไร สิ่งสำคัญคือทดสอบกับสินทรัพย์และกรอบเวลาที่สนใจ เพื่อเข้าใจพฤติกรรมอย่างลึกซึ้ง

กลยุทธ์การเทรดด้วย RSI 6, 12, 24: การประยุกต์ใช้ในตลาดจริง

การใช้ RSI ช่วงเดียวอาจเสี่ยงสัญญาณหลอก การนำ RSI 6, 12, 24 มาผสมกันช่วยยืนยันสัญญาณและเพิ่มความแม่นยำ

การใช้ RSI 6, 12, 24 ร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณ

กลยุทธ์ที่มีพลังคือใช้หลายช่วงเวลาเพื่อยืนยันซึ่งกันและกัน โดย RSI สั้นให้สัญญาณเตือนก่อน ส่วนยาวยืนยันแนวโน้ม

ตัวอย่างกลยุทธ์:

  • สัญญาณซื้อ: ถ้า RSI 6 เข้า Oversold ต่ำกว่า 30 แล้วเริ่มขึ้น เป็นสัญญาณเตือน ถ้า RSI 12 ตามขึ้น และ RSI 24 กลับจาก Oversold หรือขาขึ้น จะยืนยันแข็งแกร่ง
  • สัญญาณขาย: ถ้า RSI 6 เข้า Overbought 70 แล้วลง ตามด้วย RSI 12 และ 24 จะเป็นสัญญาณขายหนักแน่น

กลยุทธ์นี้กรอง噪音ได้ดี เพิ่มความเชื่อถือในการตัดสินใจ แต่ควรฝึกและ backtest กับข้อมูลย้อนหลัง

การเทรดแบบ Divergence (RSI 6, 12, 24) และการปรับใช้

Divergence หรือความขัดแย้งระหว่างราคาและ RSI เป็นสัญญาณสำคัญ โดยมีประสิทธิภาพสูงเมื่อดูหลายช่วงเวลา Divergence เกิดเมื่อราคาทำจุดสูงใหม่แต่ RSI ทำต่ำลง หรือตรงข้าม ชี้การกลับตัว

  • Bullish Divergence: ราคา Lower Low แต่ RSI Higher Low
  • Bearish Divergence: ราคา Higher High แต่ RSI Lower High

Divergence บน RSI 6 เป็นเตือนระยะสั้นแต่เชื่อถือต่ำ ถ้าบน RSI 12 หรือ 24 จะแข็งแกร่งกว่า โดยเฉพาะ RSI 24 ชี้กลับตัวแนวโน้มหลัก สำหรับนักลงทุนยาว หากสนใจ multi-timeframe ลองดูที่ Babypips

ข้อควรระวังและข้อจำกัดในการใช้ RSI หลายช่วงเวลา

แม้ใช้ RSI 6, 12, 24 ร่วมกันช่วยแม่นยำ แต่มีข้อควรระวัง

  1. สัญญาณหลอก: RSI สั้นให้หลอกบ่อย ถ้าไม่ยืนยันด้วย indicator อื่นหรือ Price Action อาจผิดพลาด
  2. ความล่าช้า: RSI อ้างอิงราคาอดีต สัญญาณอาจตามหลัง
  3. ตลาดแนวโน้มแข็ง: ในขาขึ้น/ลงแรง RSI อาจค้าง Overbought/Oversold นาน ไม่ใช่สัญญาณกลับทันที
  4. ใช้ร่วมอื่น: RSI ไม่ควรเดี่ยว ผสม Moving Average, MACD, Volume, Price Action, แนวรับต้าน เพื่อยืนยันและลดหลอก จัดการความเสี่ยงสำคัญเสมอ

ตั้งค่า RSI ในแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับนักเทรดไทย

เพื่อนำ RSI 6, 12, 24 ไปใช้จริง มาดูวิธีตั้งค่าในแพลตฟอร์มที่คนไทยนิยม

ตั้งค่า RSI ใน TradingView

TradingView เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์กราฟยอดฮิตทั่วโลกและไทย ใช้งานง่าย

ขั้นตอน:

  1. เปิดกราฟสินทรัพย์ที่สนใจ
  2. คลิก “Indicators” (ไอคอน fx) บนแถบเครื่องมือ
  3. พิมพ์ “RSI” แล้วเลือก Relative Strength Index
  4. เมื่อขึ้นกราฟ คลิกไอคอนเฟืองข้างชื่อ RSI
  5. ใน “Inputs” เปลี่ยน “Length” เป็น 6, 12, 24
  6. ปรับสีเส้นและระดับ 70/30 ใน “Style”
  7. คลิก “OK”

ตั้งค่าใน TradingView ง่าย รวดเร็ว ทดลองหลายช่วงได้สะดวก

ตั้งค่า RSI ใน Streaming (สำหรับตลาดหุ้นไทย)

Streaming เป็นโปรแกรมเทรดหุ้นจาก SET ที่คนไทยใช้มาก

ขั้นตอน:

  1. เปิด Streaming เข้าจอกราฟหุ้น
  2. คลิกขวาที่กราฟ หรือหาเมนู “Indicators”
  3. เลือก “Add Indicator”
  4. ค้น “RSI” แล้วเพิ่ม
  5. ปกติเริ่มต้น RSI 14 คลิกขวาเส้นหรือ “Properties” เพื่อปรับ
  6. เปลี่ยน “Period” เป็น 6, 12, 24
  7. ปรับสีและระดับตามต้องการ

ตั้งค่าใน Streaming ช่วยนักลงทุนหุ้นไทยนำกลยุทธ์ RSI ใช้กับหุ้นที่ชอบได้ง่าย

การประยุกต์ใช้ RSI ใน Bitkub และตลาดคริปโต

Bitkub เป็นแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำในไทย ตลาดนี้ผันผวนสูง การเลือกช่วง RSI สำคัญมาก

  • RSI 6 ในคริปโต: เหมาะ Day Trade หรือ Scalping จับเคลื่อนไหวราคาเหรียญเร็วแรง
  • RSI 12: สมดุลดี จับแกว่งกลาง ลด噪音จาก RSI 6
  • RSI 24: สำหรับภาพยาว ถือเหรียญหลายวัน-สัปดาห์ เช่น Bitcoin, Ethereum, KUB Coin

ตั้งค่า RSI ใน Bitkub คล้าย TradingView เลือก indicator แล้วปรับ Period ในการวิเคราะห์คริปโต ควรดูข่าวและ sentiment ด้วย เพราะตลาดตอบสนองข่าวไว

สรุป: เลือก RSI ช่วงเวลาไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?

บทความนี้ครอบคลุมความหมาย ความต่าง และการใช้ RSI 6, 12, 24 รวม RSI 7 กับ 14 และตั้งค่าในแพลตฟอร์มไทย สรุปว่าไม่มีช่วงไหนดีที่สุด แต่มีที่เหมาะกับคุณ

เลือกจากปัจจัยหลัก

  • สไตล์เทรด: Scalping, Day Trade, Swing หรือลงทุนยาว?
  • ระยะลงทุน: ถือสั้นหรือยาว?
  • สินทรัพย์: หุ้น, คริปโต, Forex – ผันผวนต่างกัน
  • ความเสี่ยง: ยอมรับสัญญาณหลอกแค่ไหน?

ถ้าเทรดสั้นชอบเร็ว RSI 6 ดี แต่ระวังหลอกและใช้คู่ indicator อื่น ถ้าต้องการสมดุล RSI 12 หรือ 14 เหมาะ สำหรับยาว RSI 24 ให้เชื่อถือสูง

สำคัญคือ backtest และปรับตั้งค่าบนกราฟจริง เริ่มจากมาตรฐานแล้วลองเปลี่ยน เรียนจากประสบการณ์ การลงทุนเสี่ยง ศึกษารอบคอบก่อนตัดสินใจ และดูคำแนะนำจาก ก.ล.ต. (SEC Thailand) เพื่อจัดการความเสี่ยง

RSI 6 เหมาะสำหรับการเทรดประเภทใดในตลาดหุ้นไทย และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

RSI 6 เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นมากในตลาดหุ้นไทย เช่น Day Trade หรือ Scalping ที่ต้องการจับจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว

ความเสี่ยงหลักคือ สัญญาณหลอก (False signals) ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากความไวสูง ทำให้ RSI แกว่งตัวรุนแรงแม้ราคาจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจนำไปสู่การซื้อขายที่ผิดพลาดและขาดทุนได้ง่าย

นักเทรดควรใช้ RSI 12 หรือ RSI 14 ในการวิเคราะห์หุ้นไทยดีกว่ากัน?

การเลือกระหว่าง RSI 12 และ RSI 14 ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ

  • RSI 12: ให้ความไวที่สูงกว่า RSI 14 เล็กน้อย เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการสัญญาณที่เร็วขึ้นสำหรับการเทรดระยะสั้นถึงกลาง แต่ยังคงต้องการลดสัญญาณรบกวนเมื่อเทียบกับ RSI ที่สั้นมาก ๆ
  • RSI 14: เป็นค่ามาตรฐานที่นิยมใช้มากที่สุด ให้ความสมดุลที่ดีระหว่างความไวและความน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับนักเทรดส่วนใหญ่ที่ต้องการภาพรวมของแนวโน้มที่ชัดเจนและลดความถี่ของสัญญาณหลอก

แนะนำให้ทดลองใช้ทั้งสองค่าและเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับหุ้นที่คุณสนใจ

RSI 24 มีประโยชน์อย่างไรกับนักลงทุนระยะยาวในตลาดคริปโตอย่าง Bitkub?

RSI 24 มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุนระยะยาวในตลาดคริปโตอย่าง Bitkub เนื่องจากให้สัญญาณที่มีความมั่นคงสูงและลดสัญญาณรบกวนได้มาก

  • จับแนวโน้มหลัก: ช่วยให้นักลงทุนสามารถมองเห็นแนวโน้มหลักของราคาเหรียญคริปโตได้ชัดเจนขึ้น โดยไม่ถูกรบกวนจากความผันผวนระยะสั้น
  • สัญญาณน่าเชื่อถือ: สัญญาณซื้อขายที่เกิดขึ้นจาก RSI 24 มักจะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า เหมาะสำหรับการตัดสินใจลงทุนที่ต้องการความรอบคอบและไม่รีบร้อน
  • ลดความเครียด: นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอมากนัก เนื่องจากสัญญาณจะเกิดขึ้นไม่บ่อย ช่วยลดความเครียดจากการเทรดระยะสั้น

มีกลยุทธ์การใช้ RSI 6, 12, 24 ร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณในตลาด Forex หรือไม่?

มีอย่างแน่นอน กลยุทธ์การใช้ RSI หลายช่วงเวลาร่วมกัน (Multi-timeframe RSI) เป็นที่นิยมในตลาด Forex เช่นกัน หลักการคือการใช้ RSI ที่สั้นกว่า (เช่น RSI 6) เพื่อให้สัญญาณเตือนล่วงหน้า และใช้ RSI ที่ยาวกว่า (เช่น RSI 12, 24) เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

ตัวอย่าง: RSI 6 เข้าสู่ Oversold และเริ่มกลับตัว (สัญญาณเตือน) -> RSI 12 เริ่มกลับตัวตาม (ยืนยันกลาง) -> RSI 24 ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (ยืนยันแนวโน้มหลัก)

ถ้า RSI 6 ให้สัญญาณซื้อ แต่ RSI 24 ยังไม่เกิดสัญญาณ ควรทำอย่างไร?

สถานการณ์นี้บ่งชี้ถึงความขัดแย้งระหว่างกรอบเวลา:

  • RSI 6 ให้สัญญาณซื้อ: อาจหมายถึงการกลับตัวระยะสั้น หรือการแกว่งตัวในกรอบเวลาเล็ก ๆ
  • RSI 24 ยังไม่เกิดสัญญาณ: อาจหมายความว่าแนวโน้มหลักยังไม่เปลี่ยนแปลง หรือยังไม่พร้อมที่จะกลับตัว

คุณควรระมัดระวังเป็นพิเศษและพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:

  • สไตล์การเทรดของคุณ: หากคุณเป็น Day Trader อาจพิจารณาเข้าซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้น แต่ต้องกำหนดจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน
  • มองหาการยืนยัน: ตรวจสอบอินดิเคเตอร์อื่น ๆ หรือ Price Action ในกรอบเวลาที่สั้นกว่า เพื่อยืนยันสัญญาณของ RSI 6
  • รอการยืนยันจาก RSI 12: หาก RSI 12 เริ่มกลับตัวตาม RSI 6 อาจเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณซื้อระยะสั้นได้
  • ความเสี่ยง: การเทรดสวนแนวโน้มหลัก (ที่ RSI 24 บ่งบอก) มีความเสี่ยงสูง ควรลดขนาดการลงทุนและบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด

นักเทรดมือใหม่ควรเริ่มต้นใช้ RSI ช่วงเวลาไหนก่อน?

นักเทรดมือใหม่ควรรเริ่มต้นใช้ **RSI 14** ก่อนเป็นอันดับแรก

  • เป็นค่ามาตรฐาน: RSI 14 เป็นค่าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีข้อมูลอ้างอิงมากมาย ทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจ
  • ความสมดุล: ให้สัญญาณที่มีความสมดุลระหว่างความไวและความน่าเชื่อถือ ลดความถี่ของสัญญาณหลอกเมื่อเทียบกับ RSI ที่สั้นกว่า
  • ลดความสับสน: การเริ่มต้นด้วย RSI 14 จะช่วยให้มือใหม่ไม่สับสนกับสัญญาณที่เกิดขึ้นบ่อยเกินไปจาก RSI ที่สั้นมาก ๆ

เมื่อมีความเข้าใจและประสบการณ์มากขึ้นแล้ว จึงค่อยทดลองปรับเปลี่ยนไปใช้ RSI ช่วงเวลาอื่น ๆ ตามสไตล์การเทรดที่พัฒนาขึ้น

การตั้งค่า RSI ในแอปพลิเคชัน Streaming หรือโปรแกรม Settrade ต้องทำอย่างไร?

การตั้งค่า RSI ในแอปพลิเคชัน Streaming หรือโปรแกรม Settrade ทำได้ดังนี้:

  1. เปิดกราฟหุ้นที่คุณต้องการวิเคราะห์ใน Streaming/Settrade
  2. มองหาเมนูสำหรับเพิ่ม Indicator (มักจะเป็นปุ่ม “Indicators” หรือคลิกขวาที่กราฟแล้วเลือก “Add Indicator”)
  3. ค้นหา “RSI” หรือ “Relative Strength Index” แล้วเลือกเพื่อเพิ่ม
  4. เมื่อ RSI ปรากฏบนกราฟ ให้คลิกขวาที่เส้น RSI หรือเข้าสู่เมนู “Properties” / “คุณสมบัติ” ของ RSI
  5. ในหน้าต่างการตั้งค่า ให้เปลี่ยนค่า “Period” หรือ “จำนวนวัน/แท่งเทียน” เป็น 6, 12, 14, 24 หรือค่าอื่น ๆ ที่ต้องการ
  6. กด “Apply” หรือ “OK” เพื่อบันทึกการตั้งค่า

นอกเหนือจาก RSI แล้ว มี Indicator อื่นใดที่ควรใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำ?

เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ ควรใช้ RSI ร่วมกับ Indicator อื่น ๆ ดังนี้:

  • Moving Average (MA): ช่วยบ่งชี้แนวโน้มและใช้เป็นแนวรับแนวต้าน
  • MACD (Moving Average Convergence Divergence): อินดิเคเตอร์โมเมนตัมที่ช่วยยืนยันสัญญาณการกลับตัวและทิศทางแนวโน้ม
  • Volume: ปริมาณการซื้อขายที่สูงพร้อมกับสัญญาณ RSI สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณนั้น ๆ
  • Bollinger Bands: ช่วยระบุขอบเขตความผันผวนและสภาวะ Overbought/Oversold ที่เกิดจากความผันผวน
  • Price Action และ Chart Patterns: การวิเคราะห์รูปแบบราคาและรูปแบบกราฟ เช่น Head & Shoulders, Double Top/Bottom เพื่อยืนยันสัญญาณจาก RSI

RSI กับ Stochastic RSI มีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้อันไหน?

RSI และ Stochastic RSI เป็นอินดิเคเตอร์โมเมนตัมทั้งคู่ แต่มีวิธีการคำนวณและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน:

  • RSI (Relative Strength Index): วัดความเร็วและขนาดของการเปลี่ยนแปลงราคา โดยเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกำไรและการขาดทุนในช่วงเวลาหนึ่ง มักจะเคลื่อนที่ช้าและให้สัญญาณที่มั่นคงกว่า
  • Stochastic RSI: เป็น “Indicator ของ Indicator” โดยคำนวณค่า Stochastic จากค่า RSI อีกที ทำให้มีความไวสูงกว่า RSI มาก และมีการแกว่งตัวขึ้นลงระหว่าง 0-100 บ่อยครั้ง

ควรเลือกใช้อันไหน?

  • RSI: เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการสัญญาณที่มั่นคง, ชัดเจน และมองหาแนวโน้มหลัก ใช้ในการระบุ Overbought/Oversold และ Divergence
  • Stochastic RSI: เหมาะสำหรับนักเทรดระยะสั้นที่ต้องการสัญญาณที่รวดเร็วมาก ๆ เพื่อจับจังหวะการเข้าออกในกรอบเวลาสั้น ๆ หรือในตลาดที่มีความผันผวนสูง แต่ก็แลกมาด้วยสัญญาณหลอกที่บ่อยกว่า

นักเทรดบางคนใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน โดยใช้ RSI เพื่อดูแนวโน้มหลัก และใช้ Stochastic RSI เพื่อจับจังหวะเข้าออกที่แม่นยำในกรอบเวลาที่สั้นลง

การใช้ RSI 6, 12, 24 ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง เช่น ตลาดคริปโต ควรระวังอะไรเป็นพิเศษ?

การใช้ RSI ในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างตลาดคริปโต ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ:

  • สัญญาณหลอก: RSI ช่วงเวลาสั้น (RSI 6, 12) จะให้สัญญาณหลอกบ่อยมากในภาวะตลาดผันผวนสูง
  • Overbought/Oversold นาน: ในช่วงที่ราคาขึ้นแรงหรือลงแรง RSI อาจค้างอยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold ได้นานกว่าปกติ ไม่ได้หมายความว่าจะกลับตัวทันที
  • ความล่าช้า: แม้จะผันผวน แต่ RSI ก็ยังเป็นอินดิเคเตอร์ที่ตามหลังราคา ทำให้สัญญาณอาจมาหลังจากที่ราคาได้เคลื่อนไหวไปมากแล้ว
  • ข่าวสารและ Sentiment: ตลาดคริปโตได้รับอิทธิพลจากข่าวสารและ sentiment อย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ RSI ให้สัญญาณที่ขัดแย้งกับปัจจัยพื้นฐาน

ควรใช้ RSI ร่วมกับ Price Action, Volume และพิจารณาปัจจัยข่าวสารอย่างใกล้ชิด รวมถึงกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่รัดกุมเสมอ

Author photo

發佈留言