
berkshire hathaway คืออะไร 10 บทเรียนการลงทุนจาก Warren Buffett ที่นักลงทุนไทยเรียนรู้ได้
## บทนำ: Berkshire Hathaway คืออะไร? มากกว่าแค่บริษัท แต่คือปรัชญาการลงทุน
เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ ไม่ได้เป็นแค่ชื่อของบริษัทธรรมดา แต่กลับกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของจักรวาลการลงทุนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแนวคิดลึกซึ้งจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนมหาเศรษฐีชื่อดังระดับโลก ในฐานะหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ ได้พลิกโฉมตัวเองจากโรงงานทอผ้าที่ใกล้ล้มละลาย มาสู่การรวมกลุ่มธุรกิจหลากหลายและพอร์ตลงทุนที่แข็งแกร่ง บทความนี้จะพาคุณสำรวจว่า เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ คืออะไร มีประวัติศาสตร์อย่างไร รวมถึงปรัชญาการลงทุนที่นำไปสู่ความสำเร็จ และบทเรียนที่นักลงทุนชาวไทยสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

## เจาะลึกประวัติและวิวัฒนาการของ Berkshire Hathaway
### จากโรงงานทอผ้าสู่ยักษ์ใหญ่การลงทุน
เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ เริ่มต้นชีวิตในฐานะบริษัทผลิตผ้าในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่ต้องเผชิญอุปสรรคหนักหน่วงจากอุตสาหกรรมที่กำลังถดถอยในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ย้อนไปในทศวรรษ 1960 วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนหนุ่มผู้ทะเยอทะยาน ได้เริ่มสะสมหุ้นของบริษัทนี้ด้วยแผนจะทำกำไรจากการชำระบัญชีทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นคือการตัดสินใจพลิกเกม โดยใช้เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ เป็นฐานที่มั่นในการเข้าซื้อและลงทุนในธุรกิจอื่นๆ แทนที่จะปล่อยให้ล้มละลาย นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ทำให้บริษัทก้าวสู่การเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนในที่สุด

### บทบาทของ Warren Buffett และ Charlie Munger
สิ่งที่ทำให้เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษ คือการนำทีมโดย วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในตำแหน่งประธานและซีอีโอ ร่วมกับ ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานผู้เป็นคู่คิดที่สมบูรณ์แบบ ทั้งคู่ทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว โดยบัฟเฟตต์โดดเด่นในด้านการวิเคราะห์ตัวเลขและข้อมูลเชิงปริมาณ ขณะที่มังเกอร์นำเสนอมุมมองเชิงคุณภาพและแนวคิดที่ลึกซึ้ง พวกเขาร่วมกันปลูกฝังวัฒนธรรมการลงทุนที่ยึดหลักความซื่อสัตย์ วินัย และวิสัยทัศน์ระยะยาว ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของความยั่งยืน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างและวิสัยทัศน์ของบริษัท เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Berkshire Hathaway ถือเป็นแหล่งอ้างอิงที่ยอดเยี่ยม
## ปรัชญาการลงทุนแบบ Berkshire Hathaway: หัวใจแห่งความสำเร็จ
ความสำเร็จอันน่าทึ่งของเบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากปรัชญาการลงทุนที่ผ่านการทดสอบมาอย่างยาวนาน ซึ่งบัฟเฟตต์และมังเกอร์ยึดมั่นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

### หลักการลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing)
แกนกลางของแนวคิดนี้คือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซึ่งเน้นการค้นหาบริษัทชั้นนำที่มีผลงานมั่นคงและศักยภาพในอนาคต แต่ถูกตลาดประเมินราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง บัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ว่า ราคาที่คุณจ่ายคือสิ่งที่แลกเปลี่ยน แต่คุณค่าที่แท้จริงคือสิ่งที่คุณได้รับจริงๆ เขาและมังเกอร์จึงทุ่มเทในการศึกษาธุรกิจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ประเมินมูลค่าที่แท้จริง และรอจังหวะเข้าซื้อในราคาที่สมเหตุสมผล แทนที่จะตามกระแสตลาดหรือคาดเดาการเคลื่อนไหวระยะสั้น ซึ่งช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง
### “ป้อมปราการทางธุรกิจ” (Economic Moat)
อีกแนวคิดสำคัญคือป้อมปราการทางธุรกิจ ซึ่งบัฟเฟตต์เปรียบเสมือนกำแพงที่ปกป้องธุรกิจจากคู่แข่ง ทำให้รักษาส่วนแบ่งตลาดได้อย่างยั่งยืน ป้อมปราการเหล่านี้อาจเกิดจากแบรนด์ที่เป็นที่รัก ต้นทุนการสลับผู้ให้บริการที่สูง เครือข่ายกว้างขวาง หรือเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ การเลือกบริษัทที่มีจุดแข็งแบบนี้ช่วยให้เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ มั่นใจว่าการลงทุนจะเติบโตต่อเนื่องและให้ผลตอบแทนระยะยาวที่คุ้มค่า โดยไม่ต้องกังวลกับการถูกแย่งชิงตลาดง่ายๆ
### การลงทุนระยะยาวและการอดทน
เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ มีชื่อเสียงในเรื่องการถือครองหุ้นยาวนาน โดยเชื่อว่าการลงทุนที่แท้จริงคือการซื้อธุรกิจดีๆ แล้วเก็บไว้ตลอดชีวิต โดยไม่ปล่อยให้ความผันผวนระยะสั้นมาทำลายแผนการ ความอดทนคือกุญแจสำคัญ แม้หลายคนจะซื้อขายบ่อยเพื่อเก็งกำไร แต่บัฟเฟตต์และมังเกอร์เลือกที่จะรอให้กลไกดอกเบี้ยทบต้นทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาสร้างความมั่งคั่งมหาศาลมาจนถึงทุกวันนี้
## อาณาจักร Berkshire Hathaway: บริษัทลูกและพอร์ตการลงทุนที่สำคัญ
เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ คืออาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาล ด้วยบริษัทลูกที่ถือหุ้นเต็มจำนวนกว่า 60 แห่ง และการลงทุนในหุ้นบริษัทมหาชนชั้นนำอีกมากมาย ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้หลากหลายช่องทาง
**บริษัทลูกที่สำคัญ (Wholly-Owned Subsidiaries):**
* **GEICO:** หนึ่งในผู้นำประกันภัยรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
* **BNSF Railway:** ผู้ให้บริการรถไฟขนส่งสินค้าขนาดยักษ์
* **Precision Castparts Corp.:** ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมสำหรับการบินและพลังงาน
* **See’s Candies:** แบรนด์ขนมหวานชื่อดังที่ครองใจผู้บริโภค
* **Dairy Queen:** เครือร้านไอศกรีมและอาหารด่วนยอดนิยม
* **Duracell:** ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลก
**พอร์ตการลงทุนในหุ้นหลัก (Major Publicly Traded Holdings):**
นอกจากนี้ เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ ยังถือหุ้นในบริษัทมหาชนชั้นนำหลายแห่งที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก สัดส่วนอาจปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ แต่หุ้นหลักที่ถือยาวนานและมีน้ำหนักมาก ได้แก่:
* **Apple (AAPL):** ผู้นำด้านเทคโนโลยีและสมาร์ทโฟน
* **Coca-Cola (KO):** ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มที่ครองตลาดโลก
* **American Express (AXP):** บริการการเงินที่เชื่อถือได้
* **Bank of America (BAC):** ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ
* **Chevron (CVX):** บริษัทพลังงานชั้นนำ
บริษัทจะเปิดเผยพอร์ตลงทุนสู่สาธารณะอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนในการศึกษาวิธีคัดเลือกหุ้นของพวกเขา
## Berkshire Hathaway A และ B: ความแตกต่างที่นักลงทุนควรรู้
เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ มีหุ้นสองชั้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก คือ Class A (BRK.A) และ Class B (BRK.B) ซึ่งมีความต่างกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนไทยที่ควรเข้าใจก่อนตัดสินใจ
* **Class A (BRK.A):** หุ้นต้นแบบที่มีราคาสูงลิ้นตา (หลายแสนดอลลาร์ต่อหุ้น) จนติดอันดับหุ้นแพงที่สุดในโลก พร้อมสิทธิ์ออกเสียงที่เหนือกว่า Class B หุ้นชั้นนี้ไม่เคยแตกหุ้นเลย ซึ่งสะท้อนปรัชญาการลงทุนยาวของบัฟเฟตต์ที่ต้องการลดการซื้อขายเก็งกำไร
* **Class B (BRK.B):** สร้างขึ้นในปี 1996 เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่าย ราคาต่อหุ้นต่ำกว่ามาก (เริ่มต้นราว 1/1500 ของ Class A และปัจจุบันใกล้เคียง 1/10000) กับสิทธิ์ออกเสียงที่น้อยกว่า (1/10000 ของ Class A) และเคยแตกหุ้นครั้งเดียวในปี 2010 เพื่อสนับสนุนการซื้อ BNSF Railway
**คำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทย:** นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ควรเลือก Class B (BRK.B) เพราะราคาเข้าถึงง่ายกว่า แต่ยังคงได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรนี้ หากอยากรู้รายละเอียดเพิ่ม Investopedia มีบทวิเคราะห์ความต่างของหุ้นทั้งสองแบบละเอียดยิบ
## บทเรียนจาก Berkshire Hathaway: ประยุกต์ใช้กับนักลงทุนไทย
แนวคิดการลงทุนจากบัฟเฟตต์และเบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ ไม่ได้จำกัดแค่ตลาดอเมริกา แต่สามารถนำมาปรับใช้กับตลาดหุ้นไทยได้ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งอย่างมีวินัย
### การค้นหา “ป้อมปราการ” ในตลาดหุ้นไทย
นักลงทุนไทยสามารถฝึกมองหาป้อมปราการทางธุรกิจในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ โดยพิจารณาบริษัทที่มี:
* **แบรนด์แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก:** อย่าง CP All (ผู้ดำเนินการ 7-Eleven), ThaiBev (เครื่องดื่มชั้นนำ), MINT (โรงแรมและร้านอาหารหรู)
* **ต้นทุนการเปลี่ยนย้ายสูง:** เช่น ธนาคารใหญ่ๆ อย่าง BBL, SCB, KBank ที่ลูกค้าติดพันกับระบบและบริการ
* **เครือข่ายใหญ่หรือการผูกขาด:** ตัวอย่าง PTT (พลังงานและปิโตรเคมี) ที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ หรือ AOT (ผู้บริหารสนามบินหลัก)
* **ต้นทุนได้เปรียบ:** บริษัทที่ผลิตสินค้าหรือบริการในราคาต่ำกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน ซึ่งช่วยรักษากำไรในระยะยาว
### การลงทุนในความรู้และความเข้าใจ
บัฟเฟตต์ย้ำเสมอว่าอย่าลงทุนในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ นักลงทุนไทยจึงควรใช้เวลาในการขุดคุ้ยธุรกิจของบริษัท ไม่ใช่แค่ดูราคาหุ้นหรือข่าวลือชั่วคราว การทำความรู้จักรูปแบบธุรกิจ อุตสาหกรรม คู่แข่ง และแนวโน้มอนาคต จะช่วยให้การตัดสินใจมีเหตุผลมากขึ้น ลดโอกาสพลาดจากอารมณ์ชั่ววูบ และเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน
### ความอดทนในระยะยาว: กุญแจสู่ความมั่งคั่ง
ตลาดหุ้นไทยก็เต็มไปด้วยความผันผวนเหมือนตลาดอื่นๆ นักลงทุนหลายคนมักตกหลุมพรางการเก็งกำไรสั้นๆ แต่เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ สอนให้เห็นคุณค่าของการถือยาว ความอดทนจะพาคุณผ่านช่วงตลาดตกต่ำ และรับผลตอบแทนจากบริษัทดีๆ ที่เติบโตตามเวลา การเลือกหุ้นคุณภาพแล้วยึดมั่นในระยะยาว คือสูตรสำเร็จที่พิสูจน์แล้วสำหรับความมั่งคั่งที่ยั่งยืน
**ข้อควรพิจารณาสำหรับนักลงทุนไทย:** การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอย่างเบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ มาพร้อมความเสี่ยงพิเศษ เช่น การแกว่งของอัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์) และกฎภาษีที่ซับซ้อน ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดหรือปรึกษาที่ปรึกษาการเงิน นอกจากนี้ สามารถใช้บริการโบรกเกอร์ไทยอย่าง บล. กสิกรไทย, บล. บัวหลวง หรือโบรกเกอร์ต่างชาติที่น่าเชื่อถือ เช่น Interactive Brokers เพื่อความสะดวก
## สรุป: Berkshire Hathaway คือแรงบันดาลใจแห่งการลงทุน
เบิร์กเชียร์ แฮททาวเวย์ ยกระดับตัวเองเหนือกว่าแค่บริษัทลงทุน กลายเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่เกิดจากปรัชญาที่มั่นคงและยึดหลักการ บัฟเฟตต์และมังเกอร์ได้พิสูจน์ว่าการลงทุนด้วยเหตุผล ความอดทน และการให้คุณค่ากับธุรกิจชั้นเลิศ สามารถเอาชนะตลาดในระยะยาวได้ บทเรียนจากอาณาจักรนี้ไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจ แต่ยังเป็นคู่มือชั้นยอดสำหรับนักลงทุนทุกคน โดยเฉพาะชาวไทยที่มุ่งสร้างความมั่งคั่งอย่างมีวินัยและยั่งยืน
## คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Berkshire Hathaway คือบริษัทประเภทไหน และทำธุรกิจอะไรบ้าง?
Berkshire Hathaway คือบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ที่เน้นการลงทุนในระยะยาว โดยมีธุรกิจหลักคือการเป็นเจ้าของบริษัทลูกจำนวนมากในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ประกันภัย (GEICO), รถไฟ (BNSF Railway), พลังงาน, สินค้าอุปโภคบริโภค, การผลิต และยังมีการลงทุนในหุ้นของบริษัทมหาชนชั้นนำทั่วโลกอีกด้วย
นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้น Berkshire Hathaway (BRK.A / BRK.B) ได้อย่างไร และผ่านช่องทางไหน?
นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้น Berkshire Hathaway ได้ผ่านช่องทางหลักสองวิธี:
- **บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทย:** โบรกเกอร์ไทยหลายแห่ง เช่น บล. กสิกรไทย (KSec), บล. บัวหลวง (Bualuang Securities) มีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ
- **โบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง:** เช่น Interactive Brokers, Saxo Bank ซึ่งให้บริการแก่นักลงทุนทั่วโลก
โดยส่วนใหญ่นักลงทุนไทยมักจะเลือกซื้อหุ้น Class B (BRK.B) เนื่องจากมีราคาต่อหุ้นที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
ความแตกต่างระหว่างหุ้น Berkshire Hathaway Class A (BRK.A) และ Class B (BRK.B) คืออะไร และนักลงทุนไทยควรเลือกแบบไหน?
ความแตกต่างหลักคือ:
- **ราคา:** หุ้น Class A (BRK.A) มีราคาต่อหุ้นสูงมาก ส่วน Class B (BRK.B) มีราคาต่อหุ้นต่ำกว่ามาก (ประมาณ 1/10000 ของ Class A)
- **สิทธิออกเสียง:** หุ้น Class A มีสิทธิออกเสียงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ส่วน Class B มีสิทธิออกเสียงน้อยกว่า
สำหรับนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ การเลือกซื้อหุ้น Class B (BRK.B) เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของ Berkshire Hathaway
ปรัชญาการลงทุนแบบ Warren Buffett ที่ Berkshire Hathaway สอนอะไรแก่นักลงทุนไทยบ้าง?
สอนหลักการสำคัญคือ:
- **การลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing):** ซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม
- **การมองหา “ป้อมปราการทางธุรกิจ” (Economic Moat):** เลือกลงทุนในบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
- **การลงทุนระยะยาวและความอดทน:** ถือครองหุ้นที่ดีเยี่ยมเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงาน
- **ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ:** ศึกษาธุรกิจอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
มีบริษัทไทยที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงหรือมีปรัชญาการลงทุนแบบ Berkshire Hathaway หรือไม่?
ในตลาดหุ้นไทย ไม่มีบริษัทใดที่เหมือน Berkshire Hathaway ทุกประการ แต่มีบริษัทไทยบางแห่งที่มีลักษณะบางอย่างคล้ายคลึงกันในแง่ของความเป็นบริษัทโฮลดิ้ง หรือมีปรัชญาการลงทุนระยะยาว เช่น:
- **กลุ่มบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC):** เป็นบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจหลากหลาย และมีการลงทุนในกิจการอื่น ๆ
- **บริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งและป้อมปราการทางธุรกิจ:** เช่น CP All, PTT, AOT ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามแนวคิด Economic Moat ของ Buffett
อย่างไรก็ตาม รูปแบบการบริหารจัดการและโครงสร้างการลงทุนอาจแตกต่างกัน
การลงทุนใน Berkshire Hathaway มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรทราบ?
ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:
- **ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน:** การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลต่อผลตอบแทน
- **ความเสี่ยงจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ:** ผลประกอบการของ Berkshire Hathaway ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหลัก
- **ความเสี่ยงจากการตัดสินใจของผู้บริหาร:** แม้ Warren Buffett จะเป็นตำนาน แต่การตัดสินใจลงทุนในอนาคตก็ยังมีความไม่แน่นอน
- **ความเสี่ยงด้านภาษี:** การลงทุนในต่างประเทศอาจมีภาระภาษีที่ซับซ้อนขึ้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
Berkshire Hathaway มีพอร์ตการลงทุนที่สำคัญอะไรบ้าง และมีผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอย่างไร?
Berkshire Hathaway ถือหุ้นในบริษัทชั้นนำหลายแห่ง เช่น Apple, Coca-Cola, American Express, Bank of America และ Chevron รวมถึงเป็นเจ้าของบริษัทลูกอีกมากมาย
ในอดีต Berkshire Hathaway มีผลตอบแทนการลงทุนที่โดดเด่นและเหนือกว่าดัชนี S&P 500 อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต
Charlie Munger มีบทบาทสำคัญอย่างไรในความสำเร็จของ Berkshire Hathaway?
Charlie Munger เป็นรองประธานและเป็นคู่คิดคนสำคัญของ Warren Buffett เขามีบทบาทในการเสริมสร้างและขยายปรัชญาการลงทุนของ Berkshire Hathaway จากการเน้น “ซื้อบริษัทธรรมดาในราคาที่ถูกมาก” ไปสู่ “ซื้อบริษัทที่ดีเยี่ยมในราคาที่ยุติธรรม” Munger มีความเฉลียวฉลาดในการมองเห็นภาพรวมและให้มุมมองที่แตกต่าง ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจลงทุนของ Berkshire Hathaway มีความรอบคอบและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หากต้องการศึกษาการลงทุนเพิ่มเติมตามแนวทาง Berkshire Hathaway ควรเริ่มจากตรงไหน?
ควรเริ่มจาก:
- **อ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffett:** จดหมายเหล่านี้เปรียบเสมือนตำราการลงทุนที่เต็มไปด้วยปัญญา
- **ศึกษาหนังสือเกี่ยวกับ Warren Buffett และ Charlie Munger:** เช่น The Intelligent Investor โดย Benjamin Graham (ครูของ Buffett) หรือ Poor Charlie’s Almanack โดย Charlie Munger
- **ติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ Berkshire Hathaway:** จากแหล่งข่าวการเงินที่น่าเชื่อถือ
- **ฝึกฝนการวิเคราะห์ธุรกิจ:** พยายามทำความเข้าใจธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ที่คุณสนใจ
Berkshire Hathaway มีนโยบายปันผลหรือไม่ และนักลงทุนไทยจะได้รับผลประโยชน์อย่างไร?
Berkshire Hathaway ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจาก Warren Buffett เชื่อว่าเขาสามารถนำกำไรที่บริษัททำได้ไปลงทุนซ้ำเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้ดีกว่าการจ่ายเงินปันผล
ดังนั้น นักลงทุนไทยที่ลงทุนใน Berkshire Hathaway จะได้รับผลประโยชน์หลักจากการเติบโตของราคาหุ้น (capital appreciation) ในระยะยาว ไม่ใช่จากเงินปันผล
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。