
เงินเยนแข็งค่าคืออะไร? 5 สิ่งที่คนไทยต้องรู้ รับมืออย่างไรให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
บทนำ: เงินเยนแข็งค่าคืออะไร และทำไมจึงสำคัญกับคนไทย?
เงินเยนแข็งค่าหมายถึงสถานการณ์ที่มูลค่าสกุลเงินญี่ปุ่น หรือเยน (JPY) เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่น เงินบาทไทย (THB) หรือดอลลาร์สหรัฐ (USD) สิ่งนี้ทำให้การแลกเปลี่ยนเงินจากสกุลอื่นๆ ในจำนวนเท่าเดิมได้เยนน้อยลง หรือหากต้องการซื้อของใช้บริการในญี่ปุ่น ก็ต้องใช้เงินสกุลอื่นมากขึ้นเพื่อให้ได้เยนเท่าเดิม ปรากฏการณ์แบบนี้ส่งผลกระทบต่อคนไทยในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางที่เตรียมตัวไปญี่ปุ่น นักธุรกิจที่ค้าขายกับญี่ปุ่น หรือนักลงทุนที่สนใจตลาดต่างประเทศ บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เยนแข็งค่าขึ้น ผลที่ตามมาต่อเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของคนไทย รวมถึงเคล็ดลับและวิธีรับมือที่ช่วยให้พลิกสถานการณ์นี้ให้กลายเป็นโอกาสท่ามกลางความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

เจาะลึกสาเหตุที่ทำให้ “เงินเยนแข็งค่า” (ปัจจัยขับเคลื่อน)
ความแข็งค่าของเงินเยนเกิดจากหลายปัจจัยที่เชื่อมโยงกัน ทั้งนโยบายภายในของธนาคารกลางญี่ปุ่นและกระแสเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งกันและกันส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงิน

นโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และอัตราดอกเบี้ย
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เยนแข็งค่ามาจากการปรับทิศทางนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ที่ดำเนินมาตรการอัตราดอกเบี้ยเชิงลบและการควบคุมผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หรือ YCC มาอย่างยาวนานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสู้กับภาวะเงินฝืด ล่าสุด BOJ เริ่มแสดงท่าทีเปลี่ยนแปลง เช่น การเลิกอัตราดอกเบี้ยติดลบและทำให้ YCC ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ช่วงที่ดอกเบี้ยอาจสูงขึ้น สิ่งนี้ทำให้เยนดูน่าลงทุนมากขึ้นสำหรับผู้ที่แสวงหาผลตอบแทนที่ดี
อีกด้านหนึ่งคือช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อสยบเงินเฟ้อ ทำให้ดอลลาร์แข็ง แต่เมื่อ BOJ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยและ Fed อาจชะลอตัว ช่องว่างนี้แคบลง ส่งผลให้เยนดึงดูดเงินทุนไหลเข้าจากผลตอบแทนที่สูงขึ้นทั้งฝากและลงทุน ซึ่งช่วยหนุนให้เยนแข็งค่าตามไปด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทยวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย BOJ ต่อภูมิภาคเอเชีย ยืนยันถึงบทบาทสำคัญของปัจจัยนี้ โดยเฉพาะในบริบทที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัว
ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและสถานการณ์โลก
นอกจากนโยบายการเงินแล้ว เศรษฐกิจภาพรวมและเหตุการณ์ระดับโลกก็มีอิทธิพลชัดเจน เมื่อโลกเผชิญการชะลอตัวหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เยนมักถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนหันไปถือเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้ความต้องการเยนพุ่งและค่าเงินสูงขึ้น แม้ญี่ปุ่นจะมีอุปสรรคเศรษฐกิจบ้าง แต่ความมั่นคงทางการเมืองและขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่โตยังคงทำให้เยนเป็นที่พึ่งในยามตลาดการเงินโลกปั่นป่วน
ภายในประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลอย่างอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่องบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวจากเงินฝืดยาวนาน ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน สร้างแรงสนับสนุนให้เยนแข็งค่าอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความไม่แน่นอนในภูมิภาคอื่นๆ
ผลกระทบของเงินเยนแข็งค่าต่อประเทศไทย (มุมมองไทย)
ความแข็งค่าของเยนกระทบประเทศไทยโดยตรงในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การท่องเที่ยว การค้าขาย จนถึงการลงทุน ซึ่งคนไทยจำเป็นต้องเข้าใจเพื่อเตรียมตัวรับมือให้ดี

การท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่นต้องจ่ายแพงขึ้นแค่ไหน?
ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายยอดฮิตสำหรับคนไทย แต่เมื่อเยนแข็ง ค่าเดินทางก็แพงขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหาร และค่าใช้จ่ายรายวันที่ต้องจ่ายเป็นเยน เงินบาทจำนวนเดิมแลกเยนได้น้อยลง ทำให้งบที่วางแผนไว้ไม่พอใช้หรือต้องลดทอนกิจกรรม
ตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ 100 เยนแลกได้ราว 24-25 บาท แต่ตอนนี้ 100 เยนอาจถึง 26-27 บาทหรือมากกว่านั้น ดังนั้น 10,000 เยนที่เคยใช้ 2,400-2,500 บาท อาจพุ่งเป็น 2,600-2,700 บาท ส่งผลให้ทั้งทริปเพิ่มค่าใช้จ่ายหลายพันบาท ขึ้นกับความยาวและสไตล์การท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่ราคาพุ่ง
การค้า: ผู้ประกอบการไทยได้หรือเสียประโยชน์?
ผลต่อการค้าของไทยขึ้นกับบทบาทของธุรกิจ:
- ผู้นำเข้าจากญี่ปุ่น: สำหรับธุรกิจไทยที่นำเข้าสินค้าอย่างรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร หรือของใช้ทั่วไป เยนแข็งทำให้ต้นทุนถูกลงเมื่อแปลงเป็นบาท ช่วยเพิ่มกำไรหรือตั้งราคาแข่งขันในตลาดไทยได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพาการนำเข้าจากญี่ปุ่นสูง
- ผู้ส่งออกไปญี่ปุ่น: แต่สำหรับผู้ส่งออกอย่างอาหารแปรรูป ผลไม้ หรือสินค้าเกษตร สินค้าไทยจะแพงขึ้นเมื่อคำนวณเป็นเยน ลดความสามารถแข่งขันในตลาดญี่ปุ่น อาจทำให้ยอดขายตก ประชาชาติธุรกิจรายงานผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งต่อการส่งออกไทย ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์เยนแข็งนี้ โดยธุรกิจอาจต้องหาทางปรับราคาหรือเจรจาใหม่
การลงทุน: โอกาสและความท้าทายสำหรับนักลงทุนไทย
สำหรับนักลงทุนไทย เยนแข็งนำทั้งโอกาสและความเสี่ยง:
- ผู้ถือสินทรัพย์เยน: หากลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น กองทุนที่โฟกัสญี่ปุ่น หรือพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น มูลค่าจะเพิ่มเมื่อแปลงกลับเป็นบาท ช่วยเพิ่มผลตอบแทนโดยรวม
- ผู้วางแผนลงทุนใหม่: ต้องระวังความผันผวน หากเยนอ่อนในอนาคต ผลกำไรอาจหายเมื่อแปลงเงิน ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจึงจำเป็น เพื่อให้การลงทุนในตลาดญี่ปุ่นที่เติบโตได้ผลดี โดยไม่กระทบจากค่าเงิน
กลยุทธ์รับมือเงินเยนแข็งค่าฉบับคนไทย
เพื่อลดผลเสียและคว้าโอกาสจากเยนแข็ง คนไทยในแต่ละกลุ่มควรมีวิธีรับมือที่เหมาะสม โดยอาศัยการวางแผนและเครื่องมือที่ใช้ได้จริง
สำหรับนักท่องเที่ยวไทย: เที่ยวญี่ปุ่นอย่างไรให้คุ้มค่า?
- แลกเงินถูกจังหวะ: ควรเฝ้าดูอัตราแลกเปลี่ยนและแลกทีละน้อยเมื่อเยนอ่อนลงบ้าง หรือเลือกแลกกับร้านที่มีเรทดีอย่าง Superrich หรือร้านอื่นๆ ที่แข่งขันกับธนาคาร หลีกเลี่ยงแลกที่สนามบินเพราะเรทมักแพง โดยติดตามผ่านแอปเพื่อจับจังหวะ
- ใช้บัตร Travel Card หรือบัตรเครดิต: บัตรอย่าง SCB Planet, Krungthai Travel Card, หรือ KBank Journey Card ช่วยแลกเยนเก็บในบัตรที่เรทดี ใช้จ่ายตรงในญี่ปุ่นโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแปลงเงินซ้ำ บัตรเครดิตที่ไม่มี FX Conversion Fee ก็ช่วยประหยัดได้มาก
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่น: วางแผนทริปให้ละเอียด ใช้พาสเดินทางอย่าง JR Pass หรือ Tokyo Metro Pass เลือกที่พักราคาคุ้ม หาร้านอาหารท้องถิ่นถูกๆ ใช้สิทธิ Tax-free ช้อปปิ้ง และซื้อเฉพาะของจำเป็น เพื่อให้งบไม่บานปลาย
สำหรับผู้ประกอบการไทย: บริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างไร?
- ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging Tools): ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกควรใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ Forward Contract เพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้คาดการณ์ต้นทุนหรือรายได้ได้ชัดเจน ลดผลจากความผันผวน
- ปรับกลยุทธ์ซัพพลายเชน: ผู้นำเข้าอาจหาแหล่งอื่นที่สกุลเงินอ่อนกว่า หรือเจรจาชำระเป็นสกุลอื่นกับพันธมิตรญี่ปุ่น ผู้ส่งออกอาจปรับการตลาดหรือหาตลาดใหม่ที่ไม่พึ่งเยน เพื่อกระจายความเสี่ยง
- ปรึกษาสถาบันการเงิน: ธนาคารไทยมีบริการปรึกษาและเครื่องมือสำหรับ SME ไทย การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญช่วยให้วางแผนธุรกิจได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคค่าเงินผันผวน
สำหรับนักลงทุนไทย: ทางเลือกการลงทุนในภาวะเงินเยนแข็ง
- พิจารณากองทุนรวมและ ETF ที่ลงทุนในญี่ปุ่น: ลงทุนผ่านกองทุนหรือ ETF ที่เน้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นหรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง สะดวกสำหรับนักลงทุนไทยรับผลจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นและเยนแข็ง โดยไม่ต้องจัดการเอง
- เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน: หากถือสินทรัพย์เยนอยู่ ใช้ Currency Futures หรือสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวตรงข้ามเยนเพื่อลดเสี่ยงจากเยนอ่อนในอนาคต
- กระจายความเสี่ยง (Diversification): อย่าลงทุนรวมศูนย์ในสกุลเงินหรือสินทรัพย์เดียว กระจายพอร์ตไปยังสกุลอื่นและภูมิภาคต่างๆ เพื่อลดความผันผวนและสร้างความสมดุล
แนวโน้มค่าเงินเยนในอนาคต: การคาดการณ์และสิ่งต้องจับตา
การทำนายทิศทางเยนในอนาคตซับซ้อน ขึ้นกับหลายองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงได้
- นโยบาย BOJ: สิ่งที่ต้องจับตาคือทิศทางธนาคารกลางญี่ปุ่น หากยังขึ้นดอกเบี้ยหรือลดมาตรการผ่อนคลาย เยนจะแข็งต่อ แต่ถ้าเศรษฐกิจชะลอหรือเงินเฟ้อลด BOJ อาจหยุดชะงัก
- เศรษฐกิจโลก: สภาวะเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์สำคัญ หากถดถอยหรือไม่แน่นอน เยนยังเป็นที่ต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น: ตัวเลขเงินเฟ้อ GDP อัตราว่างงาน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค บ่งชี้ความแข็งแกร่งและทิศทางเยน
- นโยบายธนาคารกลางอื่นๆ: นโยบายของ Fed และ ECB ส่งผลต่อช่องว่างดอกเบี้ยและเยน โดยรวม
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าเยนมีแนวแข็งในกลาง-ยาว หาก BOJ ปรับสู่ปกติ แต่ระยะสั้นอาจผันผวน ผู้เกี่ยวข้องควรติดตามข่าวจากแหล่งน่าเชื่อถือ ธนาคารกรุงเทพมีข้อมูลผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยงค่าเงิน ที่ช่วยรับมือความไม่แน่นอนนี้
สรุปและข้อคิดสำคัญ
เงินเยนแข็งค่าเป็นเหตุการณ์เศรษฐกิจที่กระทบคนไทยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ค่าใช้จ่ายพุ่ง ธุรกิจค้าที่ต้องปรับตัว หรือนักลงทุนที่จัดการพอร์ตอย่างระมัดระวัง สาเหตุหลักจากนโยบาย BOJ ที่เข้าสู่ปกติและบทบาทเยนเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนโลก
กุญแจคือเข้าใจสถานการณ์ ติดตามข่าวอย่างสม่ำเสมอ และวางแผนรับมือ เช่น เลือกเวลแลกเงิน ใช้เครื่องมือทางการเงิน หรือกระจายลงทุน ความยืดหยุ่นจะช่วยให้คนไทยก้าวผ่านความท้าทายและหาโอกาสจากเยนแข็งให้เกิดประโยชน์กับตัวเองและธุรกิจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับเงินเยนแข็งค่า
เงินเยนแข็งค่าแบบนี้ คนไทยควรแลกเงินเยนไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงไหนถึงจะคุ้มที่สุด?
ไม่มีช่วงเวลาที่ “ดีที่สุด” ตายตัว แต่ควรติดตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดและทยอยแลกเมื่อพบว่าเรทอยู่ในระดับที่พอใจ หรือมีการอ่อนค่าลงเล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงการแลกเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว ควรเปรียบเทียบเรทจากแหล่งแลกเงินที่หลากหลาย เช่น Superrich หรือร้านแลกเงินอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจ
แนวโน้มค่าเงินเยนในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และมีปัจจัยอะไรที่ต้องติดตาม?
โดยทั่วไปนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่าเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะกลางถึงยาว หากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ 1) การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยและนโยบาย Yield Curve Control ของ BOJ 2) ภาวะเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ 3) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น เช่น อัตราเงินเฟ้อและ GDP
นอกจาก Superrich แล้ว มีธนาคารหรือช่องทางไหนในไทยที่ให้เรทแลกเงินเยนดีๆ อีกบ้าง?
นอกจาก Superrich แล้ว ยังมีร้านรับแลกเงินเอกชนอื่น ๆ เช่น Vasu Exchange, Siam Exchange ที่มักให้เรทแข่งขันได้ดี หรือธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่บางแห่งก็มีบริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศที่สามารถตรวจสอบเรทผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ได้ นอกจากนี้ การใช้ Travel Card ก็เป็นอีกทางเลือกที่ให้เรทดีและสะดวก
การที่เงินเยนแข็งค่า จะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในไทย เช่น รถยนต์ หรืออาหารญี่ปุ่น มากน้อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว เงินเยนแข็งค่าทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นถูกลงเมื่อแปลงเป็นเงินบาท ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในไทย เช่น รถยนต์และอะไหล่ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออาหารญี่ปุ่นบางชนิด มีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรือปรับลดลงได้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การตั้งราคาของผู้ประกอบการและปัจจัยอื่น ๆ เช่น ค่าขนส่งและภาษี
ถ้ามีแผนลงทุนในญี่ปุ่น นักลงทุนไทยควรใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน?
นักลงทุนไทยสามารถพิจารณาใช้กลยุทธ์ดังนี้: 1) ลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือ ETF ที่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedging) 2) ใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น Currency Futures เพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต 3) กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หรือสกุลเงินอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของเงินเยน
การใช้บัตร Travel Card หรือบัตรเครดิตแบบ Multi-currency ไปญี่ปุ่น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริงหรือไม่?
ช่วยประหยัดได้จริง เนื่องจากบัตร Travel Card หรือ Multi-currency Credit Card มักจะให้เรทแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการแลกเงินสดที่เคาน์เตอร์ และไม่มีค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ (FX Conversion Fee) 2.5% เหมือนบัตรเครดิตทั่วไป ทำให้คุณสามารถล็อกเรทที่ต้องการได้ล่วงหน้าและใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
เงินเยนแข็งค่าขึ้น จะมีผลต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปยังญี่ปุ่นอย่างไรบ้าง?
การที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นเมื่อคำนวณเป็นเงินเยนในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยลดลง และอาจส่งผลกระทบให้ยอดการส่งออกสินค้าของไทยไปยังญี่ปุ่นลดลงได้ ผู้ประกอบการไทยจึงอาจต้องพิจารณาปรับกลยุทธ์ด้านราคา หรือมองหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ
เงินเยนแข็งค่า หมายถึงเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนใช่ไหม และจะกระทบเงินออมของคนไทยอย่างไร?
ถูกต้องครับ การที่เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท หมายความว่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ในแง่ของเงินออม หากคนไทยมีเงินออมเป็นสกุลเงินบาทและไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น ก็จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่หากมีแผนที่จะใช้เงินบาทไปแลกเยนในอนาคตเพื่อการท่องเที่ยวหรือลงทุน ก็จะต้องใช้เงินบาทในจำนวนที่มากขึ้น
มีเครื่องมือหรือแอปพลิเคชันใดบ้างที่คนไทยสามารถใช้ติดตามและวิเคราะห์ค่าเงินเยนได้แบบเรียลไทม์?
คนไทยสามารถใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น Google Finance, Investing.com, XE.com หรือแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ไทยที่มักจะมีฟังก์ชันแสดงอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันของร้านแลกเงินชื่อดังอย่าง Superrich ที่แสดงเรทแลกเปลี่ยนปัจจุบันได้เช่นกัน
ถ้าเงินเยนแข็งค่าต่อเนื่อง จะมีผลต่อการตัดสินใจของบริษัทญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยหรือไม่?
หากเงินเยนแข็งค่าต่อเนื่อง บริษัทญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยอาจมีต้นทุนการลงทุนที่ถูกลงเมื่อแปลงเป็นเงินเยน ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลงทุนยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น นโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทย ต้นทุนแรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน และศักยภาพของตลาดในประเทศและภูมิภาค
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。