ซื้อพันธบัตรสหรัฐ ยังไง: 5 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับนักลงทุนไทย พร้อมรับมือความผันผวน

บทนำ: ทำไมพันธบัตรสหรัฐฯ ถึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนไทย?

ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าสะกดจิต พันธบัตรสหรัฐฯ หรือที่เรียกกันว่า Treasury Securities ได้กลายเป็นทางเลือกที่มั่นคงสำหรับนักลงทุนทั่วไป รวมถึงชาวไทยที่หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น ด้วยจำนวนนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ต่างแดนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พันธบัตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากเศรษฐกิจมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก จึงติดอันดับยอดนิยม ด้วยความน่าเชื่อถือที่เหนือชั้นและผลตอบแทนที่น่าดึงดูดในยุคนี้ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนพันธบัตรสหรัฐฯ สำหรับคนไทย ตั้งแต่พื้นฐาน ความหลากหลายของประเภท ช่องทางเข้าถึง ขั้นตอนปฏิบัติจริง เรื่องภาษี และวิธีจัดการความเสี่ยง เพื่อให้คุณพร้อมก้าวเข้าสู่การลงทุนด้วยความมั่นใจ

Thai investor examining US treasury bonds amid a fluctuating stock market, symbolizing a safe haven investment

พันธบัตรสหรัฐฯ คืออะไร? ทำความรู้จักก่อนลงทุน

พันธบัตรสหรัฐฯ คือเครื่องมือทางการเงินรูปแบบหนี้ที่ออกโดยกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา เพื่อนำเงินทุนมาสนับสนุนการใช้จ่ายของรัฐบาล ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดระดับโลก เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเก็บภาษีและพิมพ์เงินเพื่อชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

US Treasury building with a prominent bond certificate, illustrating the concept of government debt instruments

ประเภทของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ควรรู้

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ตามระยะเวลาการถือครองและวิธีการจ่ายผลตอบแทน โดยสรุปได้ดังนี้

  • Treasury Bills (T-Bills): พันธบัตรระยะสั้นสุด อายุตั้งแต่ไม่กี่วันยันหนึ่งปี ไม่จ่ายดอกเบี้ยระหว่างสัญญา แต่ขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง และรับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนด
  • Treasury Notes (T-Notes): พันธบัตรระยะกลาง อายุ 2 ถึง 10 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุกหกเดือน จนกว่าจะไถ่ถอนเต็มจำนวน
  • Treasury Bonds (T-Bonds): พันธบัตรระยะยาว อายุ 20 ถึง 30 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุกหกเดือนคล้าย T-Notes แต่เหมาะกับการลงทุนยาวนานกว่า
  • Treasury Inflation-Protected Securities (TIPS): พันธบัตรที่ออกแบบพิเศษเพื่อรับมือเงินเฟ้อ มูลค่าต้นทุนปรับตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าที่ปรับใหม่ ช่วยรักษาอำนาจซื้อท่ามกลางราคาสินค้าที่พุ่งสูง

การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกประเภทที่ตรงกับแผนการลงทุนและระดับความอดทนต่อความเสี่ยงของคุณได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

Visual representation of four US bond types: T-Bills, T-Notes, T-Bonds, and TIPS with distinct icons

ทำไมต้องลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ? ข้อดีที่ดึงดูดนักลงทุน

การเลือกพันธบัตรสหรัฐฯ เข้าพอร์ตมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้มันเป็นที่ชื่นชอบ โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนที่มองหาความมั่นคง

  • ความปลอดภัยสูง: รับประกันโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานะการเงินแข็งแกร่งที่สุด ทำให้โอกาสผิดนัดชำระแทบเป็นศูนย์
  • ผลตอบแทนที่มั่นคงและคาดการณ์ได้: ส่วนใหญ่จ่ายดอกเบี้ยตามกำหนด ช่วยให้คุณวางแผนรายรับได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนมากนัก
  • การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน: ราคาพันธบัตรมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับหุ้นในช่วงเศรษฐกิจปั่นป่วน ดังนั้นการมีมันในพอร์ตจะช่วยลดความผันผวนโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ: โดยเฉพาะ TIPS ที่ช่วยรักษามูลค่าจริงของเงินทุน แม้ราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น

ข้อดีเหล่านี้ทำให้พันธบัตรสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่ที่หลบภัย แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสมดุลให้กับการลงทุนทั้งหมด

ซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ได้ที่ไหน? ช่องทางสำหรับนักลงทุนไทย

นักลงทุนไทยมีตัวเลือกหลากหลายในการเข้าถึงพันธบัตรสหรัฐฯ แต่ละช่องทางมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่าง เพื่อให้เหมาะกับสไตล์และประสบการณ์ของคุณ

แพลตฟอร์มและโบรกเกอร์ในประเทศไทยที่ให้บริการ

ในไทยมีผู้ให้บริการหลายแห่งที่ทำให้การลงทุนพันธบัตรต่างประเทศกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น

  • Dime! by Kiatnakin Phatra: แอปลงทุนดิจิทัลที่กำลังมาแรงในไทย Dime! เปิดโอกาสให้ซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ผ่านมือถือได้ง่ายๆ ด้วยค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผลและการสนับสนุนภาษาไทยเต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นโดยไม่ยุ่งยาก
  • InnovestX (SCB): จากเครือ SCB X ที่รวมสินทรัพย์หลากหลาย รวมถึงพันธบัตรต่างแดน InnovestX นำเสนอทางเลือกที่น่าสนใจพร้อมข้อมูลวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ
  • โบรกเกอร์หลักทรัพย์อื่นๆ ในไทย: บางรายใหญ่อย่าง Phillip Securities (Thailand) หรือ Finansia Syrus ก็มีบริการตราสารหนี้ต่างประเทศ ถึงแม้การเข้าถึงอาจแตกต่างและบางครั้งกำหนดเงินขั้นต่ำสูงสำหรับลูกค้ารายใหญ่

ข้อดีของการซื้อผ่านโบรกเกอร์ไทย: ทุกอย่างสะดวกเป็นภาษาไทย โอนเงินบาทง่าย และมีทีมช่วยเหลือในประเทศ

ข้อเสีย: ตัวเลือกอาจไม่กว้างขวางเท่า และค่าธรรมเนียมบางครั้งสูงกว่าการทำตรงจากต่างแดน

การซื้อผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง

หากคุณมีประสบการณ์และอยากได้ตัวเลือกมากขึ้นพร้อมค่าธรรมเนียมต่ำ การใช้โบรกเกอร์นานาชาติตรงๆ เป็นทางออกที่น่าลอง

  • Interactive Brokers: โบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกที่ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ รวมพันธบัตรสหรัฐฯ ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำและการเข้าถึงตลาดทั่วโลก
  • Charles Schwab International: จากสหรัฐฯ ที่ต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ ด้วยแพลตฟอร์มใช้งานสะดวกและวิเคราะห์คุณภาพสูง

ข้อดี: ตัวเลือกพันธบัตรมากมาย ค่าธรรมเนียมถูกกว่า และข้อมูลวิเคราะห์ตรงจากแหล่ง

ข้อเสีย: การเปิดบัญชีและโอนเงินข้ามประเทศซับซ้อน ต้องใช้ภาษาอังกฤษ และอาจเจอข้อจำกัดภาษีข้ามชาติ

ซื้อผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ

สำหรับคนที่อยากให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการแทน การเลือกกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศที่เน้นพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นวิธีที่เรียบง่าย

  • กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ: มีตัวเลือกมากจากบริษัทจัดการกองทุนในไทย ผู้จัดการจะคัดและดูแลพันธบัตรให้คุณ

ข้อดี: ไม่ต้องจัดการเอง มีมือโปรคอยดูแล กระจายความเสี่ยงดี และไม่ยุ่งยากเรื่องแลกเงิน (เว้นแต่กองทุนไม่ป้องกันค่าเงิน)

ข้อเสีย: ค่าจัดการกองทุน และผลตอบแทนขึ้นกับฝีมือผู้จัดการ อาจไม่ตรงตามที่คาดหวังเป๊ะๆ

ขั้นตอนการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ แบบ Step-by-Step สำหรับคนไทย

แม้จะดูซับซ้อนตอนแรก แต่เมื่อชำนาญขั้นตอน การซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ สำหรับคนไทยก็ไม่ยากเกินไป โดยเฉพาะถ้าคุณเตรียมตัวดี

1. เลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม

ให้พิจารณาจากทุนเริ่มต้น ความสะดวกที่ต้องการ และความถนัดภาษา สำหรับมือใหม่ทุนน้อย Dime! หรือ InnovestX เป็นจุดเริ่มต้นดีเพราะรองรับไทยและขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ขณะที่โบรกเกอร์ต่างแดนเหมาะกับคนมีประสบการณ์ที่อยากได้ตัวเลือกกว้าง

2. เปิดบัญชีลงทุน

ขั้นตอนแรกคือการสมัครบัญชี ไม่ว่าจะช่องทางไหน ต้องเตรียมเอกสารหลักๆ ดังนี้

  • บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต
  • สำเนาทะเบียนบ้าน (ถ้าเปิดกับโบรกเกอร์ไทย)
  • สมุดบัญชีธนาคารสำหรับเชื่อมต่อ
  • หลักฐานรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรอง หรือเดินบัญชีธนาคาร

การยืนยันตัวตนตามกฎ ก.ล.ต. อาจใช้เวลาไม่กี่วันถึงสัปดาห์ ขึ้นกับผู้ให้บริการ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย

3. โอนเงินลงทุน

เมื่อบัญชีพร้อม ก็โอนเงินเข้า โดยแบ่งตามช่องทาง

  • สำหรับโบรกเกอร์ไทย (เช่น Dime!, InnovestX): โอนบาทตรงเข้าบัญชีโบรกเกอร์ ซึ่งจะแลกเป็นดอลลาร์ให้อัตโนมัติ หรือผูกบัญชี FCD เพื่อฝากดอลลาร์ตรงๆ
  • สำหรับโบรกเกอร์ต่างประเทศ: โอนบาทไปบัญชีต่างแดนของโบรกเกอร์ อาจมีค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนและโอนระหว่างประเทศ ควรเช็คอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารต่างๆ ก่อน ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย

อย่าลืมเฝ้าดูอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน เพราะมันกระทบผลตอบแทนทั้งหมด

4. เลือกพันธบัตรและส่งคำสั่งซื้อ

เงินเข้าบัญชีแล้ว ก็ถึงเวลาคัดเลือก

  • พิจารณาอายุและผลตอบแทน: เลือกตามระยะเวลาครบกำหนดและอัตราผลตอบแทนที่ตรงเป้าหมาย
  • ทำความเข้าใจ Yield to Maturity (YTM): คือผลตอบแทนรวมถ้าถือจนครบ เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
  • ส่งคำสั่งซื้อ: ล็อกอินแพลตฟอร์ม ค้นหาพันธบัตร ระบุจำนวน แล้วยืนยันคำสั่ง

ขั้นตอนนี้คือจุดที่คุณนำความรู้มาประยุกต์ใช้จริง เพื่อให้การลงทุนตรงใจ

ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณาสำคัญก่อนลงทุนพันธบัตรสหรัฐฯ

ถึงแม้จะปลอดภัย แต่พันธบัตรสหรัฐฯ ก็มีจุดที่ต้องระวัง โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนไทยที่เผชิญปัจจัยเฉพาะตัว

ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย

ราคาพันธบัตรจะปรับตัวตรงข้ามกับอัตราดอกเบี้ยตลาด ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ราคาพันธบัตรลง และถ้าลง ราคาขึ้น การตัดสินใจของเฟดจึงส่งผลรุนแรงต่อมูลค่าการลงทุนของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณขายก่อนกำหนด

ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (THB-USD)

สำหรับคนไทย ความผันผวนบาทต่อดอลลาร์เป็นอุปสรรคใหญ่ ถ้าบาทแข็ง ผลตอบแทนแปลงกลับเป็นบาทจะหดตัว แต่ถ้าบาทอ่อน จะได้กำไรเพิ่ม คุณอาจใช้กองทุนที่ป้องกันค่าเงิน (Hedged Fund) เพื่อลดผลกระทบนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าเงินโลกปั่นป่วน

ภาษีที่เกี่ยวข้องสำหรับนักลงทุนไทย

เรื่องภาษีต้องชัดเจนก่อนลงมือ

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ย: สหรัฐฯ หัก 30% สำหรับชาวต่างชาติ แต่สนธิสัญญาภาษีไทย-สหรัฐฯ ช่วยลดได้ ถ้ายื่น W-8BEN ถูกต้อง
  • ภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gain Tax): กำไรจากการขายก่อนกำหนด ต้องรวมในภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไทย ถ้านำเงินกลับปีเดียวกัน ศึกษากฎหมายภาษีของประเทศไทยได้จากกรมสรรพากร

แนะนำให้ปรึกษาที่ปรึกษาภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจกระทบกระเป๋า

สภาพคล่องและการเข้าถึงข้อมูล

ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มีสภาพคล่องสูง แต่ผ่านโบรกเกอร์ไทยอาจจำกัดตัวเลือกและการขายต่อ ข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับตลาดนี้ยังไม่มากเท่าภาษาอังกฤษ ดังนั้นควรหาแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่ออัปเดต

กลยุทธ์และเคล็ดลับสำหรับนักลงทุนพันธบัตรสหรัฐฯ

เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพสูงสุด ลองนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปปรับใช้ตามสถานการณ์ของคุณ

พิจารณาอายุพันธบัตรให้เหมาะสมกับเป้าหมาย

  • พันธบัตรระยะสั้น (T-Bills, T-Notes อายุไม่เกิน 3 ปี): เสี่ยงดอกเบี้ยน้อย เหมาะกับคนอยากเก็บสภาพคล่องหรือลงทุนสั้นๆ
  • พันธบัตรระยะยาว (T-Notes อายุ 5 ปีขึ้นไป, T-Bonds): ผลตอบแทนสูงกว่าแต่เสี่ยงราคาผันผวนมาก เหมาะกับนักลงทุนยาวที่อดทนได้

การเลือกอายุที่ตรงจะช่วยให้ผลลัพธ์ตรงตามที่หวัง โดยไม่ต้องปรับแผนบ่อย

Diversify ด้วยประเภทพันธบัตรและอายุที่หลากหลาย

อย่าลงทุนแบบเดิมๆ แต่กระจายไปยังประเภทและอายุต่างๆ เช่น ใช้ Bond Laddering ที่ลงทุนพันธบัตรครบกำหนดต่างกัน เพื่อให้มีเงินไหลเข้าสม่ำเสมอและลดผลจากดอกเบี้ยที่เปลี่ยน

ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบาย Fed อย่างใกล้ชิด

การเคลื่อนไหวของเฟด โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ย ส่งผลตรงๆ ต่อพันธบัตร ดังนั้นควรอัปเดต FOMC, เงินเฟ้อ, GDP และข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อคาดการณ์และปรับกลยุทธ์ได้ทัน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวมตราสารหนี้จาก Finnomena

สรุป: พันธบัตรสหรัฐฯ ทางเลือกที่น่าสนใจแต่ต้องศึกษาให้ดี

พันธบัตรสหรัฐฯ เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนไทยที่อยากกระจายพอร์ต เพิ่มความมั่นคง และรับผลตอบแทนที่คาดเดาได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะลงทุนโดยไม่เตรียมตัว คุณต้องรู้จักประเภท ช่องทาง ขั้นตอน ภาษี และความเสี่ยง โดยเฉพาะค่าเงินที่ผันผวน

ก่อนเริ่ม ศึกษาข้อมูลละเอียด ประเมินความเสี่ยงที่รับไหว และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แผนลงทุนตรงกับเป้าหมายและสถานะการเงิน การเข้าใจลึกซึ้งจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์มั่นคงนี้ได้เต็มที่

ซื้อพันธบัตรสหรัฐผ่าน Dime! by Kiatnakin Phatra มีข้อดีข้อเสียอย่างไรเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น?

ข้อดี: ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชัน, มีทีมงานสนับสนุนภาษาไทย, ค่าธรรมเนียมแข่งขันได้, ขั้นตอนการเปิดบัญชีและโอนเงินสะดวกสำหรับคนไทย ข้อเสีย: ตัวเลือกพันธบัตรอาจจำกัดกว่าโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง, อาจมีค่าธรรมเนียมแฝงจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา

นักลงทุนไทยต้องมีเงินขั้นต่ำเท่าไหร่ถึงจะสามารถเริ่มลงทุนพันธบัตรสหรัฐได้?

เงินลงทุนขั้นต่ำจะแตกต่างกันไปตามแต่ละแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ สำหรับ Dime! อาจเริ่มต้นที่หลักร้อยหรือหลักพันบาท ส่วนโบรกเกอร์ต่างประเทศอาจมีขั้นต่ำที่สูงกว่า เช่น หลักพันดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 30,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)

หากต้องการขายพันธบัตรสหรัฐก่อนครบกำหนดอายุ จะมีค่าใช้จ่ายหรือข้อจำกัดอะไรบ้าง?

การขายพันธบัตรสหรัฐฯ ก่อนครบกำหนดสามารถทำได้ในตลาดรอง (Secondary Market) โดยราคาขายจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ณ ขณะนั้น หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น ราคาพันธบัตรอาจลดลง ทำให้คุณขาดทุนได้ นอกจากนี้ อาจมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายจากโบรกเกอร์

ดอกเบี้ยและกำไรจากการขายพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ได้รับต้องนำไปยื่นภาษีในประเทศไทยอย่างไร?

ดอกเบี้ยที่ได้รับอาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในสหรัฐฯ (หากไม่ยื่นแบบ W-8BEN) ส่วนกำไรจากการขาย (Capital Gain) และดอกเบี้ยที่ได้รับ ต้องนำมารวมเป็นเงินได้เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย หากมีการนำเงินได้นั้นกลับเข้ามาในประเทศไทยภายในปีภาษีเดียวกัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความถูกต้อง

ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (บาท/ดอลลาร์) มีผลกระทบต่อผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ของนักลงทุนไทยอย่างไร และมีวิธีบริหารจัดการอย่างไร?

หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ผลตอบแทนที่คุณได้รับเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาทจะลดลง วิธีบริหารจัดการ ได้แก่ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedged Fund) หรือการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินอื่นด้วย

ควรเลือกซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ แบบระยะสั้น (T-Bills) หรือระยะยาว (T-Bonds) ดีกว่ากันสำหรับเป้าหมายการลงทุนที่แตกต่างกัน?

ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย:

  • ระยะสั้น (T-Bills): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสภาพคล่อง, มีความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยต่ำ, หรือมีเป้าหมายลงทุนไม่เกิน 1 ปี
  • ระยะยาว (T-Bonds): มักให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่มีความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถถือลงทุนได้นาน, ไม่ต้องการสภาพคล่องเร่งด่วน, และต้องการล็อกผลตอบแทนระยะยาว

นอกจากพันธบัตรสหรัฐฯ แล้ว ยังมีตราสารหนี้รัฐบาลของประเทศอื่นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยอีกหรือไม่?

มีหลายประเทศ เช่น พันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี, ญี่ปุ่น, หรือประเทศในกลุ่มยูโรโซน แต่ละประเทศมีความน่าเชื่อถือและอัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจและนโยบายของแต่ละประเทศก่อนตัดสินใจลงทุน

สามารถเปิดบัญชีลงทุนและทำธุรกรรมซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ของธนาคารไทยได้โดยตรงหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้วยังไม่สามารถซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ได้โดยตรงผ่าน Mobile Banking ของธนาคารไทยได้ คุณจะต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการลงทุนโดยเฉพาะ เช่น Dime! หรือ InnovestX ที่มีบริการดังกล่าว

หากไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ จะสามารถหาข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนพันธบัตรสหรัฐฯ ในภาษาไทยได้จากที่ไหนบ้าง?

คุณสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ไทยที่ให้บริการลงทุนต่างประเทศ เช่น Dime!, InnovestX รวมถึงเว็บไซต์ข่าวสารการเงินและการลงทุนภาษาไทยอย่าง Finnomena, SET.or.th, หรือบล็อกการเงินต่างๆ ที่มีการแปลข้อมูลและบทวิเคราะห์เป็นภาษาไทย

การลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน และไม่เหมาะกับใคร?

เหมาะกับ: นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง, ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย, ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง, หรือมีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว ไม่เหมาะกับ: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงมากและต้องการผลตอบแทนที่หวือหวาในระยะเวลาอันสั้น, หรือผู้ที่ไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนและอัตราแลกเปลี่ยน

Author photo

發佈留言