
คํานวณ กําไร ขาดทุน: 5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ SME ไทยควรรู้ เพื่อตัดสินใจธุรกิจอย่างชาญฉลาด
บทนำ: ทำไมการคำนวณกำไรขาดทุนจึงสำคัญกับธุรกิจคุณ?
การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก ร้านอาหาร หรือบริการรายย่อย การทำความเข้าใจสถานะทางการเงินของตัวเองถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก หัวใจสำคัญของการบริหารธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคือการรับรู้ว่าธุรกิจกำลังทำกำไรหรือขาดทุน การคำนวณกำไรขาดทุนไม่ใช่หน้าที่เฉพาะของนักบัญชีเท่านั้น แต่เป็นทักษะพื้นฐานที่ผู้ประกอบการทุกคนควรมี เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์

ข้อมูลกำไรและขาดทุนเปรียบเสมือนเข็มทิศที่ช่วยนำทางธุรกิจของคุณ ให้เห็นภาพรวมของรายรับและรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง ช่วยประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงาน หาจุดที่ต้องปรับปรุง และวางแผนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีคำนวณกำไรขาดทุนอย่างง่ายๆ พร้อมเคล็ดลับและเครื่องมือที่เหมาะสำหรับ SME ไทย เพื่อช่วยให้บริหารการเงินได้อย่างมืออาชีพ
พื้นฐานความเข้าใจ: กำไรคืออะไร? ขาดทุนคืออะไร?

กำไร (Profit): หัวใจของธุรกิจ
กำไรคือส่วนต่างที่เป็นบวกระหว่างรายได้ทั้งหมดที่ธุรกิจได้รับ กับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินงาน หากรายได้มากกว่าต้นทุนและค่าใช้จ่าย แสดงว่าธุรกิจของคุณมีกำไร ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการทำธุรกิจ โดยทั่วไป เราสามารถแบ่งกำไรออกเป็นสองประเภทหลัก คือกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้จะช่วยให้คุณวิเคราะห์สถานะธุรกิจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขาดทุน (Loss): สัญญาณเตือนที่ต้องใส่ใจ
ตรงกันข้าม ขาดทุนเกิดขึ้นเมื่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมกันสูงกว่ารายได้ที่ธุรกิจทำได้ ขาดทุนเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าธุรกิจกำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน ซึ่งอาจมาจากการตั้งราคาขายต่ำเกินไป ต้นทุนสูงเกินจริง หรือยอดขายไม่ถึงเป้า หากละเลยสัญญาณเหล่านี้ อาจนำไปสู่ปัญหาสภาพคล่องและกระทบต่อความอยู่รอดของธุรกิจในระยะยาว
องค์ประกอบสำคัญในการคำนวณกำไรขาดทุน

การคำนวณกำไรขาดทุนต้องอาศัยข้อมูลจากองค์ประกอบหลักสามส่วน ซึ่งเป็นแกนกลางของงบกำไรขาดทุน ได้แก่รายได้ ต้นทุน และค่าใช้จ่าย การเข้าใจแต่ละส่วนอย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น
รายได้ (Revenue): แหล่งที่มาของเงิน
รายได้คือเงินทั้งหมดที่ธุรกิจได้รับจากการดำเนินงานหลัก เช่น การขายสินค้าหรือให้บริการ นอกจากนี้ ยังรวมถึงรายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่จากการดำเนินงานหลัก เช่น ดอกเบี้ยรับหรือรายได้จากการเช่า การบันทึกทุกอย่างให้ครบถ้วนและถูกต้องเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญสำหรับการคำนวณกำไรขาดทุนที่น่าเชื่อถือ
ต้นทุน (Cost): สิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้มา
ต้นทุนคือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจนำมาขาย ต้นทุนแบ่งได้หลายประเภท เช่น ต้นทุนสินค้าที่ขายไป ซึ่งเป็นต้นทุนตรงของสินค้าที่ขายจริง นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนคงที่อย่างค่าเช่าหรือค่าประกันภัยที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต และต้นทุนผันแปรอย่างค่าวัตถุดิบหรือค่าแรงงานที่ปรับตามปริมาณการผลิตหรือบริการ
ค่าใช้จ่าย (Expenses): การลงทุนเพื่อการดำเนินงาน
ค่าใช้จ่ายคือเงินที่ธุรกิจใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน แต่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสินค้าหรือบริการ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด เช่น ค่าโฆษณาหรือค่าคอมมิชชัน ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เช่น เงินเดือนพนักงานออฟฟิศ ค่าสาธารณูปโภค หรือค่าอุปกรณ์สำนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ การแยกแยะค่าใช้จ่ายออกจากต้นทุนอย่างชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพธุรกิจ
สูตรและขั้นตอนการคำนวณกำไรขาดทุนแบบง่ายๆ
การคำนวณกำไรขาดทุนไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ถ้าคุณมีสูตรและขั้นตอนที่ชัดเจน วิธีพื้นฐานเหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้ทันทีสำหรับผู้ประกอบการ
สูตรคำนวณกำไรขั้นต้น (Gross Profit Formula)
กำไรขั้นต้นคือกำไรที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการ หักด้วยต้นทุนสินค้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตหรือจัดหาสินค้านั้นๆ สูตรพื้นฐานมีดังนี้:
สูตร: กำไรขั้นต้น = รายได้จากการขาย – ต้นทุนสินค้าที่ขาย
ตัวอย่าง: ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ มียอดขายรวม 50,000 บาท และมีต้นทุนสินค้าที่ขายไป (ค่าเสื้อที่ซื้อมา) 20,000 บาท
| รายการ | จำนวนเงิน (บาท) |
|---|---|
| รายได้จากการขาย | 50,000 |
| หัก: ต้นทุนสินค้าที่ขาย | (20,000) |
| กำไรขั้นต้น | 30,000 |
สูตรคำนวณกำไรสุทธิ (Net Profit Formula)
กำไรสุทธิคือกำไรที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดออกจากกำไรขั้นต้น ตัวเลขนี้สะท้อนผลประกอบการที่แท้จริงของธุรกิจ
สูตร: กำไรสุทธิ = กำไรขั้นต้น – ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด
ตัวอย่าง: จากตัวอย่างเดิม ร้านเสื้อผ้ามีกำไรขั้นต้น 30,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังนี้:
- ค่าโฆษณาออนไลน์ 5,000 บาท
- ค่าขนส่งสินค้า 2,000 บาท
- ค่าแพ็กเกจจิ้ง 1,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 500 บาท
| รายการ | จำนวนเงิน (บาท) |
|---|---|
| กำไรขั้นต้น | 30,000 |
| หัก: ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน | |
| – ค่าโฆษณาออนไลน์ | (5,000) |
| – ค่าขนส่งสินค้า | (2,000) |
| – ค่าแพ็กเกจจิ้ง | (1,000) |
| – ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | (500) |
| กำไรสุทธิ | 21,500 |
การคำนวณกำไรขาดทุนเป็นเปอร์เซ็นต์ (Calculating Profit/Loss as Percentage)
การแสดงกำไรหรือขาดทุนเป็นเปอร์เซ็นต์ช่วยให้เปรียบเทียบประสิทธิภาพธุรกิจได้สะดวก และเป็นมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางการเงิน
สูตร: อัตรากำไรสุทธิ (%) = (กำไรสุทธิ / รายได้จากการขาย) x 100
จากตัวอย่างข้างต้น: (21,500 / 50,000) x 100 = 43% หมายความว่าทุกๆ 100 บาทที่ธุรกิจสร้างรายได้ จะมีกำไรสุทธิ 43 บาท
งบกำไรขาดทุน: เครื่องมือมาตรฐานในการวัดผลประกอบการ
งบกำไรขาดทุน หรือที่รู้จักในชื่อ Profit and Loss (P&L) Statement เป็นรายงานทางการเงินที่สำคัญยิ่ง แสดงรายได้ ต้นทุน และค่าใช้จ่ายของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นภาพรวมว่าธุรกิจมีกำไรหรือขาดทุนเท่าไร และเกิดจากปัจจัยใดบ้าง
โครงสร้างของงบกำไรขาดทุนที่ควรรู้
โดยทั่วไป งบกำไรขาดทุนจะประกอบด้วยส่วนหลักๆ ดังนี้:
- รายได้จากการขาย: ยอดรวมของรายได้ที่ได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการ
- ต้นทุนสินค้าที่ขาย: ต้นทุนโดยตรงของสินค้าที่ขายไป
- กำไรขั้นต้น: ผลต่างระหว่างรายได้และต้นทุนสินค้าที่ขาย
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการบริหารธุรกิจ เช่น ค่าใช้จ่ายการตลาด ค่าเช่า เงินเดือน
- กำไรสุทธิก่อนหักภาษี: กำไรก่อนหักภาษี
- ภาษีเงินได้: ภาษีที่ธุรกิจต้องจ่าย
- กำไรสุทธิ: กำไรสุดท้ายที่เหลือหลังจากหักภาษีแล้ว
ตัวอย่างงบกำไรขาดทุนสำหรับ SME ไทย
นี่คือตัวอย่างงบกำไรขาดทุนแบบง่ายๆ สำหรับ SME ที่สามารถใช้เป็นแนวทางได้:
| งบกำไรขาดทุนสำหรับ “ร้านขายกาแฟเล็กๆ” | สำหรับงวดเดือนมกราคม 2567 (บาท) |
|---|---|
| รายได้จากการขาย | 120,000 |
| หัก: ต้นทุนสินค้าที่ขาย (เมล็ดกาแฟ, นม, แก้ว) | (40,000) |
| กำไรขั้นต้น | 80,000 |
| หัก: ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน | |
| – ค่าเช่าร้าน | (15,000) |
| – เงินเดือนพนักงาน | (30,000) |
| – ค่าไฟฟ้า, น้ำประปา | (4,000) |
| – ค่าการตลาด (โปรโมชั่น) | (3,000) |
| – ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ | (2,000) |
| รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน | (54,000) |
| กำไรสุทธิ | 26,000 |
คำนวณกำไรขาดทุนด้วยเครื่องมือยอดนิยม
ในยุคดิจิทัล การคำนวณกำไรขาดทุนไม่จำเป็นต้องทำด้วยมืออีกต่อไป มีเครื่องมือหลากหลายที่ช่วยให้งานง่ายขึ้น ประหยัดเวลา และลดความผิดพลาด
การใช้ Excel หรือ Google Sheets ในการคำนวณ
Excel และ Google Sheets เป็นเครื่องมือที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพสำหรับการคำนวณกำไรขาดทุน คุณสามารถสร้างตารางคำนวณที่ปรับแต่งได้เอง โดยใช้สูตรง่ายๆ เช่น SUM, SUBTRACT และการคำนวณเปอร์เซ็นต์ เพื่อติดตามรายได้ ต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีระบบ การออกแบบเทมเพลตที่เหมาะกับธุรกิจของคุณจะช่วยให้ป้อนข้อมูลและได้ผลลัพธ์รวดเร็ว คุณสามารถดาวน์โหลดเทมเพลตสำเร็จรูปได้มากมาย หรือสร้างเองโดยอิงจากโครงสร้างงบกำไรขาดทุนที่กล่าวถึง
โปรแกรมบัญชีและ POS ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น
สำหรับ SME ที่ต้องการความสะดวกและระบบอัตโนมัติ โปรแกรมบัญชีและระบบ POS เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม โปรแกรมเหล่านี้มักมีฟังก์ชันคำนวณกำไรขาดทุนอัตโนมัติ เมื่อคุณบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายรายวัน โปรแกรมยอดนิยมในไทย เช่น FlowAccount, PeakAccount หรือระบบ POS อย่าง POS2U ช่วยให้ผู้ประกอบการออกบิล จัดการสต็อก และดูรายงานกำไรขาดทุนได้ทันที ซึ่งช่วยลดภาระงานบัญชีลงอย่างมาก
Beyond การคำนวณ: แปลงข้อมูลกำไรขาดทุนสู่การตัดสินใจทางธุรกิจ
การคำนวณกำไรขาดทุนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ข้อมูลที่ได้มีคุณค่ามากถ้าคุณนำไปใช้ตัดสินใจและปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ควรทำหลังจากได้ตัวเลขเหล่านี้
วิเคราะห์ผลกำไรขาดทุนเพื่อปรับกลยุทธ์
เมื่อมีงบกำไรขาดทุนในมือ ให้เริ่มวิเคราะห์แนวโน้มของกำไรสุทธิและกำไรขั้นต้น ถ้ากำไรขั้นต้นลดลง อาจบ่งชี้ว่าต้นทุนสินค้าสูงขึ้นหรือราคาขายต่ำเกินไป คุณอาจต้องหาซัพพลายเออร์ใหม่หรือปรับราคาขายให้เหมาะสม หากกำไรสุทธิลดลงแต่กำไรขั้นต้นยังดี แสดงว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงเกินไป ควรตรวจสอบแต่ละรายการเพื่อหาจุดที่ลดหรือควบคุมได้ การวิเคราะห์แบบนี้ช่วยปรับกลยุทธ์ธุรกิจในด้านการตลาด การผลิต และบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเชื่อมโยงกำไรขาดทุนกับการวางแผนภาษีของไทย
กำไรของธุรกิจมีผลโดยตรงต่อภาระภาษีที่ต้องจ่ายในประเทศไทย การเข้าใจกำไรขาดทุนช่วยให้วางแผนภาษีได้ถูกต้องและถูกกฎหมาย ผู้ประกอบการควรรู้ว่ากำไรสุทธิเป็นฐานในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับ SME บางประเภท การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายให้ครบถ้วนตามหลักบัญชีจะช่วยประหยัดภาษีโดยการหักค่าใช้จ่ายที่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ การประเมินกำไรขาดทุนล่วงหน้าช่วยให้คาดการณ์ภาษีที่ต้องจ่ายได้ ทำให้เตรียมความพร้อมทางการเงินทันเวลา กรมสรรพากร มีข้อมูลและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการวางแผนภาษีสำหรับธุรกิจในไทย
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการคำนวณและวิธีหลีกเลี่ยง
ผู้ประกอบการไทยหลายราย โดยเฉพาะ SME มักเจอข้อผิดพลาดทั่วไปในการคำนวณกำไรขาดทุน เช่น:
- สับสนระหว่างรายได้กับกระแสเงินสด: รายได้คือยอดขายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เงินสดที่ได้รับจริง (อาจมีการให้เครดิต) ในขณะที่กระแสเงินสดคือเงินเข้าออกจริงๆ
- ละเลยค่าใช้จ่ายแฝง: เช่น ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ หรือต้นทุนค่าเสียโอกาส ซึ่งบางครั้งไม่ได้เป็นเงินสดที่จ่ายออกไปทันที แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ควรนำมาพิจารณา
- ไม่บันทึกข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: ทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนและผลคำนวณคลาดเคลื่อน
- ไม่แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวออกจากธุรกิจ: ทำให้เห็นภาพกำไรขาดทุนของธุรกิจไม่ชัดเจน
เพื่อหลีกเลี่ยง ให้บันทึกข้อมูลอย่างละเอียดและสม่ำเสมอ พร้อมแยกบัญชีธุรกิจออกจากส่วนตัวอย่างชัดเจน
สรุป: ก้าวต่อไปในการบริหารการเงินธุรกิจคุณ
การคำนวณกำไรขาดทุนเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ประกอบการทุกคน ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะขนาดไหน การเข้าใจและติดตามตัวเลขเหล่านี้ช่วยให้มองเห็นสถานะทางการเงินชัดเจน ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และนำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ การใช้สูตร งบกำไรขาดทุน และเครื่องมืออย่าง Excel หรือโปรแกรมบัญชีจะทำให้กระบวนการนี้ราบรื่นยิ่งขึ้น
จำไว้ว่ากำไรและขาดทุนไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นสัญญาณที่บอกถึงสุขภาพของธุรกิจ การเรียนรู้ที่จะอ่านและตีความข้อมูลเหล่านี้คือพลังที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืน ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารการเงินสำหรับ SME เพื่อก้าวต่อไปในการเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
สำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กในไทย ควรคำนวณกำไรขาดทุนบ่อยแค่ไหน?
สำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กในไทย การคำนวณกำไรขาดทุนอย่างน้อยเดือนละครั้งเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เห็นภาพรวมของประสิทธิภาพธุรกิจและสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที หากมีรายการซื้อขายจำนวนมาก อาจพิจารณาคำนวณรายสัปดาห์ หรือใช้โปรแกรมบัญชีที่สามารถสรุปผลได้แบบเรียลไทม์
ถ้าไม่มีความรู้บัญชีเลย จะคำนวณกำไรขาดทุนด้วยตัวเองได้อย่างไร?
คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างละเอียด จากนั้นใช้สูตรพื้นฐานที่เราได้อธิบายไปในบทความนี้ หรือใช้เทมเพลต Excel/Google Sheets สำเร็จรูป โปรแกรมบัญชีอย่าง FlowAccount หรือ PeakAccount ก็ถูกออกแบบมาให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีความรู้บัญชีใช้ได้ง่ายเช่นกัน
งบกำไรขาดทุนแตกต่างจากกระแสเงินสดอย่างไร และสำคัญต่อ SME ไทยอย่างไร?
งบกำไรขาดทุนแสดงถึงกำไรหรือขาดทุนของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง โดยอิงจากหลักบัญชีแบบคงค้าง (บันทึกเมื่อเกิดรายการ ไม่ใช่เมื่อได้รับเงิน) ส่วนกระแสเงินสดแสดงถึงเงินสดที่ไหลเข้าและออกธุรกิจจริงๆ งบกำไรขาดทุนสำคัญต่อ SME ไทยเพราะช่วยประเมินความสามารถในการทำกำไร ในขณะที่กระแสเงินสดสำคัญต่อการรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ ทั้งสองมีความสำคัญแต่มีวัตถุประสงค์ต่างกัน
มีโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันฟรีอะไรบ้างที่ช่วยคำนวณกำไรขาดทุนได้?
สำหรับโปรแกรมฟรีที่ช่วยคำนวณกำไรขาดทุน คุณสามารถใช้ Google Sheets ได้ฟรี ซึ่งมีฟังก์ชันการคำนวณที่เพียงพอต่อการจัดทำงบกำไรขาดทุนแบบง่ายๆ นอกจากนี้ โปรแกรมบัญชีบางตัวอาจมีเวอร์ชันฟรีหรือช่วงทดลองใช้ฟรีที่สามารถช่วยคุณได้
การคำนวณกำไรขาดทุนมีผลต่อการวางแผนภาษีของธุรกิจในไทยอย่างไร?
การคำนวณกำไรขาดทุนอย่างถูกต้องเป็นหัวใจของการวางแผนภาษีที่มีประสิทธิภาพในไทย กำไรสุทธิที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนเป็นฐานในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายที่ถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยให้คุณใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและหักค่าใช้จ่ายได้ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งส่งผลให้ภาระภาษีเป็นไปอย่างเหมาะสม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีข้อมูลและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบการเงินเพื่อประโยชน์ในการยื่นภาษี
อะไรคือ ‘จุดคุ้มทุน’ และเราจะใช้กำไรขาดทุนมาคำนวณหาได้อย่างไร?
‘จุดคุ้มทุน’ (Break-even Point) คือจุดที่รายได้รวมเท่ากับต้นทุนรวมพอดี ทำให้ธุรกิจไม่ได้กำไรและไม่ขาดทุน การคำนวณจุดคุ้มทุนสามารถใช้ข้อมูลจากงบกำไรขาดทุน โดยเฉพาะต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เพื่อหาจำนวนสินค้าหรือยอดขายที่ธุรกิจต้องทำได้เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนทั้งหมด
ถ้าธุรกิจกำลังขาดทุน ควรเริ่มแก้ไขจากส่วนไหนก่อน?
หากธุรกิจกำลังขาดทุน สิ่งแรกที่ควรทำคือวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุหลัก อาจเกิดจาก:
- รายได้ต่ำเกินไป: พิจารณาเพิ่มยอดขายหรือปรับราคาขาย
- ต้นทุนสินค้าสูงเกินไป: หาซัพพลายเออร์ใหม่ หรือปรับปรุงกระบวนการผลิต
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง: ตรวจสอบและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
การแก้ไขควรเริ่มจากส่วนที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อกำไรของคุณ
กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ มีความหมายและใช้ประโยชน์ต่างกันอย่างไร?
กำไรขั้นต้น คือกำไรที่ได้หลังจากหักต้นทุนสินค้าที่ขายไปแล้ว ใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการผลิตหรือการจัดหาสินค้าว่าทำกำไรได้ดีแค่ไหน
กำไรสุทธิ คือกำไรที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและภาษี) ใช้เพื่อประเมินผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจว่าทำกำไรได้จริงเท่าไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。