CFD ย่อมาจากอะไร? 10 สิ่งที่นักลงทุนไทยต้องรู้ก่อนเริ่มต้นเทรด

บทนำ: CFD ย่อมาจากอะไร? ทำความเข้าใจก่อนเริ่มต้นเทรด

ในยุคที่ตลาดการลงทุนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว CFD หรือที่รู้จักกันในชื่อสัญญาซื้อขายส่วนต่าง กำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่อยากลองโอกาสทำกำไรจากตลาดการเงินหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งสกุลเงินดิจิทัล แต่ CFD คืออะไรกันแน่ และทำไมนักลงทุนถึงควรศึกษามันให้ละเอียดก่อนลงมือเทรด

นักลงทุนกำลังมองดูกราฟ CFD บนหน้าจอพร้อมเครื่องหมายคำถามเหนือศีรษะในสไตล์ภาพประกอบ

บทความนี้จะนำคุณดำดิ่งสู่รายละเอียดของ CFD ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน วิธีการทำงาน ข้อดีที่ชัดเจน จุดที่ต้องระวัง และการเปรียบเทียบกับเครื่องมือลงทุนอื่นๆ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนไทย พร้อมเคล็ดลับปฏิบัติจริงเพื่อให้คุณเริ่มต้นเทรดได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด

CFD คืออะไร? (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) กลไกการทำงานเบื้องต้น

มือสองข้างกำลังจับมือกันกับสัญญาและลูกศรขึ้นลงพร้อมไอคอนสินทรัพย์ต่างๆ ในพื้นหลังสไตล์ภาพประกอบ

คำจำกัดความของ CFD: สัญญาซื้อขายส่วนต่าง

CFD ย่อมาจาก Contract for Difference ซึ่งแปลว่าสัญญาซื้อขายส่วนต่าง โดย本质แล้ว มันคือข้อตกลงระหว่างคุณกับโบรกเกอร์ในการแลกเปลี่ยนความแตกต่างของราคาสินทรัพย์อ้างอิง ระหว่างตอนเปิดสัญญากับตอนปิดสัญญา สิ่งที่ต้องจำไว้คือ คุณไม่ได้ครอบครองสินทรัพย์จริงๆ แต่เพียงเก็งกำไรจากทิศทางราคาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล

การเทรดแบบนี้เปิดประตูให้คุณทำกำไรได้ทั้งในช่วงที่ตลาดขึ้นหรือลง ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง

กลไกการทำกำไรและขาดทุนใน CFD

กำไรหรือขาดทุนจาก CFD มาจากการเปลี่ยนแปลงราคาเสนอซื้อและเสนอขายของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

  • ทำกำไรจากการซื้อ (Long): ถ้าคุณเชื่อว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้น คุณเปิดสถานะซื้อ CFD และถ้าราคาขึ้นจริง คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายตอนปิด
  • ทำกำไรจากการขายชอร์ต (Short): ถ้าคุณคาดว่าราคาจะลง คุณเปิดสถานะขาย CFD และถ้าราคาลงตามคาด กำไรจะมาจากส่วนต่างระหว่างราคาขายกับราคาซื้อตอนปิด

ลองนึกภาพตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณซื้อ CFD ของหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 100 บาท แล้วราคาขึ้นไป 105 บาท คุณกำไร 5 บาทต่อหน่วย แต่ถ้าลงเหลือ 95 บาท ก็ขาดทุน 5 บาทต่อหน่วย การเข้าใจกลไกนี้ช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวน

เลเวอเรจ (Leverage) และ มาร์จิ้น (Margin) หัวใจสำคัญของ CFD

วัวกระทิงและหมีกำลังต่อสู้กันเหนือกราฟราคาที่แสดงแนวโน้มขึ้นและลงสไตล์ภาพประกอบ

คุณสมบัติที่ทำให้ CFD แตกต่างและน่าลองคือเลเวอเรจ หรืออัตราทด ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมการเทรดที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริงหลายเท่า โดยใช้เงินเพียงส่วนหนึ่งที่เรียกว่ามาร์จิ้น

  • เลเวอเรจ: เช่น ถ้าโบรกเกอร์ให้เลเวอเรจ 1:100 คุณใช้เงินมาร์จิ้น 1,000 บาท ควบคุมสินทรัพย์มูลค่า 100,000 บาทได้ ซึ่งเท่ากับ 1% ของมูลค่ารวม
  • มาร์จิ้น: นี่คือเงินที่คุณต้องฝากไว้เป็นหลักประกันในการเปิดและถือสถานะ มาร์จิ้นเริ่มต้นสำหรับเปิดตำแหน่ง ส่วนมาร์จิ้นคงเหลือคือยอดขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชีเพื่อไม่ให้สถานะถูกปิด

แม้เลเวอเรจจะช่วยเพิ่มโอกาสกำไร แต่ก็เสี่ยงขยายการขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนควรเรียนรู้การจัดการมาร์จิ้นให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่บัญชีถูกเรียกเพิ่มทุนหรือถูกบังคับปิด

เปรียบเทียบ CFD กับเครื่องมือทางการเงินยอดนิยมอื่นๆ

CFD vs Forex: แตกต่างกันอย่างไร?

CDF และ Forex ต่างเป็นวิธีเก็งกำไรจากราคาที่เคลื่อนไหว แต่สินทรัพย์หลักที่เทรดต่างกันชัดเจน

คุณสมบัติ CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ)
สินทรัพย์หลัก หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโตเคอร์เรนซี, ฟอเร็กซ์ คู่สกุลเงิน (เช่น EUR/USD, USD/JPY)
จุดประสงค์หลัก เก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาของสินทรัพย์หลากหลายประเภท เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงิน
ความหลากหลาย สูงมาก ครอบคลุมหลายตลาด เฉพาะเจาะจงที่ตลาดสกุลเงิน
เลเวอเรจ มีให้เลือกหลากหลาย มักจะสูง สูงมาก เป็นที่รู้จักจากเลเวอเรจสูง

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจตลาดสกุลเงิน CFD ก็ครอบคลุมส่วนนี้ด้วย โดยเฉพาะ CFD แบบ Forex ที่ใช้คู่สกุลเงินเป็นสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้คุณเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่ต้องแยกตลาด

CFD vs หุ้น และ สินค้าโภคภัณฑ์: การเข้าถึงที่แตกต่าง

เมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์จริง CFD มีจุดเด่นที่ช่วยให้เข้าถึงตลาดได้สะดวกกว่า

  • ไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง: คุณเก็งกำไรจากราคาหุ้นหรือทองคำได้ โดยไม่ต้องซื้อของจริง
  • กำไรสองทิศทาง: ทำเงินได้ทั้งตอนราคาขึ้นและลง ต่างจากการถือหุ้นที่กำไรหลักจากราคาขึ้น
  • ทุนต่ำกว่า: เลเวอเรจช่วยให้เปิดตำแหน่งใหญ่ด้วยเงินน้อย

ประโยชน์เหล่านี้ทำให้ CFD เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากกระจายพอร์ตด้วยทุนจำกัด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถือครองจริง

CFD vs Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า): ทางเลือกสำหรับนักลงทุนไทย

CDF กับ Futures คล้ายกันตรงที่เป็นอนุพันธ์เก็งกำไรราคาอนาคต แต่ต่างกันในรายละเอียดที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับตลาดไทย

คุณสมบัติ CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า)
การกำหนดมาตรฐาน ไม่เป็นมาตรฐาน กำหนดโดยโบรกเกอร์ เป็นมาตรฐาน กำหนดโดยตลาดหลักทรัพย์ (เช่น SET50 Index Futures ในตลาดอนุพันธ์ไทย)
วันหมดอายุ ไม่มีวันหมดอายุ (สามารถถือได้นานเท่าที่ต้องการ โดยมีค่าธรรมเนียมข้ามคืน) มีวันหมดอายุที่แน่นอน
การส่งมอบ เป็นการชำระด้วยเงินสดเสมอ ไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริง สามารถมีการส่งมอบสินทรัพย์จริงได้ (แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการชำระด้วยเงินสด)
การกำกับดูแล ส่วนใหญ่กำกับดูแลโดยหน่วยงานต่างประเทศ (เช่น FCA, CySEC) กำกับดูแลโดยหน่วยงานภายในประเทศ (เช่น ก.ล.ต. สำหรับตลาดอนุพันธ์ไทย)
ขนาดสัญญา ยืดหยุ่นกว่า เลือกขนาดได้เล็กน้อย กำหนดขนาดสัญญามาตรฐาน

ถ้าคุณเคยเทรด Futures ใน TFEX ไทย เช่น SET50 Index Futures SET50 Index Futures การรู้ความต่างเหล่านี้จะช่วยให้เลือกเครื่องมือที่เข้ากับสไตล์การลงทุนของคุณได้ดี โดย Futures อาจเหมาะกับคนที่ชอบโครงสร้างมาตรฐาน ในขณะที่ CFD ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า

ข้อดีและข้อควรระวังในการเทรด CFD สำหรับนักลงทุนไทย

ข้อได้เปรียบของการเทรด CFD

CDF ดึงดูดนักลงทุนด้วยจุดแข็งหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มโอกาสในตลาด

  • เข้าถึงตลาดหลากหลาย: เทรดได้ตั้งแต่หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ไปจนถึงคริปโต
  • กำไรสองทาง: ไม่ว่าตลาดขึ้นหรือลง คุณเปิด Long หรือ Short ได้
  • ใช้เลเวอเรจ: เพิ่มพลังการเทรดด้วยทุนน้อย โอกาสกำไรสูง
  • สภาพคล่องดี: เข้าออกตลาดง่าย ไม่ติดขัด
  • ป้องกันความเสี่ยง: ใช้ Hedging เพื่อคุ้มครองพอร์ต เช่น ขายชอร์ต CFD หุ้นที่ถืออยู่ ถ้ากังวลราคาลง

จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ CFD เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนไทยขยายโอกาส โดยไม่ต้องลงทุนหนักตั้งแต่แรก

ความเสี่ยงและข้อควรระวังที่นักลงทุนไทยต้องรู้

ถึงจะมีข้อดี แต่ CFD ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ต้องระวัง โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ในไทย

  • เสี่ยงจากเลเวอเรจ: ขยายขาดทุนได้เร็ว ถ้าตลาดสวนทาง อาจเจอ Margin Call หรือ Stop Out
  • ตลาดผันผวน: ราคาเปลี่ยนแปลงแรง อาจขาดทุนกะทันหัน
  • ค่าข้ามคืน: ถือสถานะนาน ต้องจ่าย Swap Fee ซึ่งสะสมได้เยอะ
  • สเปรดและค่าคอม: ลดกำไร โดยเฉพาะตอนตลาดวุ่นวายสเปรดกว้าง
  • เสี่ยงโบรกเกอร์: ถ้าเลือกเจ้าไม่ดี อาจมีปัญหาถอนเงินหรือคำสั่งไม่แฟร์ หลีกเลี่ยงโบรกเกอร์เถื่อนที่ไม่กำกับดูแล

เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ การศึกษาล่วงหน้าและเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเป็นกุญแจสำคัญ

กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงสำหรับ CFD ในบริบทไทย

การจัดการความเสี่ยงคือหัวใจของการเทรด CFD โดยเฉพาะในตลาดไทยที่อาจมีปัจจัยเฉพาะอย่างข่าวเศรษฐกิจในประเทศ

  • ตั้ง Stop Loss และ Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและล็อกกำไร เพื่อควบคุมความเสียหาย
  • จัดการเงินทุน: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อเทรด เริ่มด้วยทุนที่ยอมเสียได้
  • ใช้เลเวอเรจอย่างฉลาด: เลือกระดับที่เหมาะกับความอดทนต่อความเสี่ยง
  • ติดตามข่าว: สนใจเหตุการณ์เศรษฐกิจไทยและโลกที่กระทบสินทรัพย์
  • ฝึกฝนก่อน: ใช้ Demo Account ลองกลยุทธ์จริงๆ ก่อนลงเงิน

ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ คุณจะเทรด CFD ได้อย่างมีวินัย ลดโอกาสพลาดใหญ่

การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสมและปลอดภัยในประเทศไทย

การหาโบรกเกอร์ CFD ที่ดีคือขั้นตอนแรกที่สำคัญสำหรับนักลงทุนไทย ควรพิจารณาจุดต่อไปนี้เพื่อความมั่นใจ

  • การกำกับดูแล: เลือกที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานชั้นนำอย่าง FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), ASIC (ออสเตรเลีย) แม้ ก.ล.ต. ไทยยังไม่กำกับ CFD โดยตรง แต่การเลือกเจ้ากฎเข้มงวดช่วยปกป้องทุน
  • แพลตฟอร์ม: ต้องใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ดี เช่น MT4 หรือ MT5
  • ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบสเปรด คอมมิชชั่น และ Swap เพื่อหาที่คุ้ม
  • สินทรัพย์: ตรวจว่ามีตัวที่คุณอยากเทรดไหม
  • บริการลูกค้า: ตอบเร็ว และมีภาษาไทย
  • ฝากถอน: สะดวกและปลอดภัยสำหรับคนไทย

อย่าลืมเช็ครีวิวและสถานะใบอนุญาตก่อนสมัคร เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลัง

บทสรุป: CFD เป็นทางเลือกการลงทุนที่ต้องศึกษาให้ดี

CDF หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง คือเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทำกำไร ด้วยการเข้าถึงตลาดกว้าง เลเวอเรจ และโอกาสสองทาง แต่ความเสี่ยงจากเลเวอเรจและความผันผวนก็สูงไม่แพ้กัน

สำหรับนักลงทุนไทย การศึกษาลึกซึ้ง การจัดการความเสี่ยง และเลือกโบรกเกอร์ดี จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรด สุดท้าย ความรู้คือฐานรากของการลงทุนที่ยั่งยืนและปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CFD สำหรับนักลงทุนไทย (FAQ)

1. CFD ย่อมาจากอะไร และต่างจาก Forex อย่างไรในมุมมองของนักลงทุนไทย?

CFD ย่อมาจาก Contract for Difference หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาโดยไม่ถือครองสินทรัพย์จริง สำหรับนักลงทุนไทย CFD มีความหลากหลายของสินทรัพย์มากกว่า Forex ซึ่งเน้นที่คู่สกุลเงินเป็นหลัก CFD สามารถเทรดได้ทั้งหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโตเคอร์เรนซี และรวมถึง Forex ด้วย นักลงทุนไทยสามารถเลือกเทรดสินทรัพย์ที่สนใจได้กว้างขวางกว่า

2. การเทรด CFD มีความเสี่ยงสูงจริงหรือไม่? และนักลงทุนไทยควรจัดการความเสี่ยงอย่างไร?

จริง การเทรด CFD มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมี เลเวอเรจที่สามารถขยายผลกำไรและขาดทุนได้อย่างมาก นักลงทุนไทยควรจัดการความเสี่ยงโดย:

  • กำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) เสมอ
  • ใช้เงินทุนจำนวนน้อยเมื่อเริ่มต้นและไม่เสี่ยงเกินกว่า 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรด
  • ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่เทรดอย่างถ่องแท้
  • ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนก่อนใช้เงินจริง

3. ฉันสามารถเทรด CFD สินทรัพย์ประเภทใดได้บ้างในประเทศไทย?

แม้ว่า CFD จะไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของ ก.ล.ต. ไทย แต่โบรกเกอร์ต่างประเทศที่ให้บริการ CFD มักจะมีสินทรัพย์หลากหลายให้เลือกเทรด ได้แก่ หุ้นต่างประเทศ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (เช่น S&P 500, FTSE 100) สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ น้ำมัน) คู่สกุลเงิน (Forex) และสกุลเงินดิจิทัล (เช่น Bitcoin, Ethereum) นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ต่างประเทศ

4. โบรกเกอร์ CFD ที่เชื่อถือได้และได้รับการกำกับดูแลในประเทศไทยมีที่ไหนบ้าง?

ปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ของไทยยังไม่มีการกำกับดูแล CFD โดยตรง ดังนั้นจึงไม่มีโบรกเกอร์ CFD “ในประเทศไทย” ที่ได้รับการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไทยมักเลือกใช้บริการจากโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับโลกที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยของเงินทุน

5. CFD คืออะไร Pantip: คำถามยอดนิยมและข้อควรระวังที่นักลงทุนไทยมักสงสัย?

ใน Pantip นักลงทุนไทยมักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับ CFD ในประเด็นต่างๆ เช่น ความเสี่ยงของเลเวอเรจ, โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ, การถอนเงิน, และการทำกำไร-ขาดทุนที่รวดเร็ว ข้อควรระวังที่มักจะถูกเน้นย้ำคือ “อย่าเชื่อคำชวนเชื่อที่เกินจริง” และ “ระวังโบรกเกอร์ที่ไม่มีใบอนุญาต” รวมถึงการศึกษาด้วยตัวเองให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจลงทุน

6. Computational Fluid Dynamics (CFD) กับ Contract for Difference (CFD) เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่?

ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง Computational Fluid Dynamics (CFD) เป็นสาขาวิชาในด้านวิศวกรรมและการคำนวณที่ใช้เพื่อวิเคราะห์การไหลของของไหล เช่น อากาศหรือน้ำ ในขณะที่ Contract for Difference (CFD) คือเครื่องมือทางการเงินที่เรากำลังกล่าวถึงในบทความนี้ โปรดระวังอย่าสับสนระหว่างสองคำนี้

7. CFD กับ Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?

ทั้งคู่เป็นอนุพันธ์ที่เก็งกำไรจากราคาในอนาคต แต่ Futures (เช่น SET50 Index Futures ใน TFEX) เป็นสัญญามาตรฐานที่มีวันหมดอายุและกำกับดูแลโดยตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ส่วน CFD ไม่เป็นมาตรฐาน ไม่มีวันหมดอายุ และกำกับดูแลโดยโบรกเกอร์ มักใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า Futures และมีการส่งมอบด้วยเงินสดเสมอ

8. ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ในการเทรด CFD ในประเทศไทย?

เงินลงทุนเริ่มต้นในการเทรด CFD สามารถเริ่มต้นได้ค่อนข้างต่ำ โดยโบรกเกอร์บางแห่งอาจกำหนดเงินฝากขั้นต่ำเพียงไม่กี่ร้อยหรือพันบาท อย่างไรก็ตาม การใช้เงินทุนที่น้อยมากอาจทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปได้ยาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะถูก Stop Out ได้ง่าย ควรเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่คุณพร้อมจะสูญเสียได้ทั้งหมด

9. มีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องพิจารณาเมื่อเทรด CFD?

ค่าใช้จ่ายหลักในการเทรด CFD ได้แก่:

  • สเปรด (Spread): ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย
  • ค่าคอมมิชชั่น (Commission): บางโบรกเกอร์อาจคิดค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด
  • ค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Overnight Fee/Swap): ค่าธรรมเนียมสำหรับการถือสถานะข้ามคืน
  • ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอนเงิน: บางโบรกเกอร์อาจมีค่าธรรมเนียมเหล่านี้

ควรตรวจสอบโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์อย่างละเอียดก่อนเริ่มต้นเทรด

10. CFD ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่? และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

CFD ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเจาะจงที่กำกับดูแลโดยตรงในประเทศไทยจาก ก.ล.ต. ซึ่งหมายความว่าไม่มีโบรกเกอร์ CFD ในประเทศที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานไทยโดยตรง อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนไทยใช้บริการโบรกเกอร์ CFD ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานสากล ไม่ได้ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่การคุ้มครองตามกฎหมายของไทยอาจไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร หากเกิดข้อพิพาทขึ้น ข้อจำกัดหลักคือการขาดการคุ้มครองจากหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ

Author photo

發佈留言