
CFD ย่อมาจากอะไร? 10 สิ่งที่นักลงทุนไทยต้องรู้ก่อนเริ่มต้นเทรด
บทนำ: CFD ย่อมาจากอะไร? ทำความเข้าใจก่อนเริ่มต้นเทรด
ในยุคที่ตลาดการลงทุนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว CFD หรือที่รู้จักกันในชื่อสัญญาซื้อขายส่วนต่าง กำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่อยากลองโอกาสทำกำไรจากตลาดการเงินหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งสกุลเงินดิจิทัล แต่ CFD คืออะไรกันแน่ และทำไมนักลงทุนถึงควรศึกษามันให้ละเอียดก่อนลงมือเทรด

บทความนี้จะนำคุณดำดิ่งสู่รายละเอียดของ CFD ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน วิธีการทำงาน ข้อดีที่ชัดเจน จุดที่ต้องระวัง และการเปรียบเทียบกับเครื่องมือลงทุนอื่นๆ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนไทย พร้อมเคล็ดลับปฏิบัติจริงเพื่อให้คุณเริ่มต้นเทรดได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด
CFD คืออะไร? (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) กลไกการทำงานเบื้องต้น

คำจำกัดความของ CFD: สัญญาซื้อขายส่วนต่าง
CFD ย่อมาจาก Contract for Difference ซึ่งแปลว่าสัญญาซื้อขายส่วนต่าง โดย本质แล้ว มันคือข้อตกลงระหว่างคุณกับโบรกเกอร์ในการแลกเปลี่ยนความแตกต่างของราคาสินทรัพย์อ้างอิง ระหว่างตอนเปิดสัญญากับตอนปิดสัญญา สิ่งที่ต้องจำไว้คือ คุณไม่ได้ครอบครองสินทรัพย์จริงๆ แต่เพียงเก็งกำไรจากทิศทางราคาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล
การเทรดแบบนี้เปิดประตูให้คุณทำกำไรได้ทั้งในช่วงที่ตลาดขึ้นหรือลง ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง
กลไกการทำกำไรและขาดทุนใน CFD
กำไรหรือขาดทุนจาก CFD มาจากการเปลี่ยนแปลงราคาเสนอซื้อและเสนอขายของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง
- ทำกำไรจากการซื้อ (Long): ถ้าคุณเชื่อว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้น คุณเปิดสถานะซื้อ CFD และถ้าราคาขึ้นจริง คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายตอนปิด
- ทำกำไรจากการขายชอร์ต (Short): ถ้าคุณคาดว่าราคาจะลง คุณเปิดสถานะขาย CFD และถ้าราคาลงตามคาด กำไรจะมาจากส่วนต่างระหว่างราคาขายกับราคาซื้อตอนปิด
ลองนึกภาพตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณซื้อ CFD ของหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 100 บาท แล้วราคาขึ้นไป 105 บาท คุณกำไร 5 บาทต่อหน่วย แต่ถ้าลงเหลือ 95 บาท ก็ขาดทุน 5 บาทต่อหน่วย การเข้าใจกลไกนี้ช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวน
เลเวอเรจ (Leverage) และ มาร์จิ้น (Margin) หัวใจสำคัญของ CFD

คุณสมบัติที่ทำให้ CFD แตกต่างและน่าลองคือเลเวอเรจ หรืออัตราทด ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมการเทรดที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนจริงหลายเท่า โดยใช้เงินเพียงส่วนหนึ่งที่เรียกว่ามาร์จิ้น
- เลเวอเรจ: เช่น ถ้าโบรกเกอร์ให้เลเวอเรจ 1:100 คุณใช้เงินมาร์จิ้น 1,000 บาท ควบคุมสินทรัพย์มูลค่า 100,000 บาทได้ ซึ่งเท่ากับ 1% ของมูลค่ารวม
- มาร์จิ้น: นี่คือเงินที่คุณต้องฝากไว้เป็นหลักประกันในการเปิดและถือสถานะ มาร์จิ้นเริ่มต้นสำหรับเปิดตำแหน่ง ส่วนมาร์จิ้นคงเหลือคือยอดขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชีเพื่อไม่ให้สถานะถูกปิด
แม้เลเวอเรจจะช่วยเพิ่มโอกาสกำไร แต่ก็เสี่ยงขยายการขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนควรเรียนรู้การจัดการมาร์จิ้นให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่บัญชีถูกเรียกเพิ่มทุนหรือถูกบังคับปิด
เปรียบเทียบ CFD กับเครื่องมือทางการเงินยอดนิยมอื่นๆ
CFD vs Forex: แตกต่างกันอย่างไร?
CDF และ Forex ต่างเป็นวิธีเก็งกำไรจากราคาที่เคลื่อนไหว แต่สินทรัพย์หลักที่เทรดต่างกันชัดเจน
| คุณสมบัติ | CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) | Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) |
|---|---|---|
| สินทรัพย์หลัก | หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโตเคอร์เรนซี, ฟอเร็กซ์ | คู่สกุลเงิน (เช่น EUR/USD, USD/JPY) |
| จุดประสงค์หลัก | เก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาของสินทรัพย์หลากหลายประเภท | เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงิน |
| ความหลากหลาย | สูงมาก ครอบคลุมหลายตลาด | เฉพาะเจาะจงที่ตลาดสกุลเงิน |
| เลเวอเรจ | มีให้เลือกหลากหลาย มักจะสูง | สูงมาก เป็นที่รู้จักจากเลเวอเรจสูง |
สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจตลาดสกุลเงิน CFD ก็ครอบคลุมส่วนนี้ด้วย โดยเฉพาะ CFD แบบ Forex ที่ใช้คู่สกุลเงินเป็นสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้คุณเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่ต้องแยกตลาด
CFD vs หุ้น และ สินค้าโภคภัณฑ์: การเข้าถึงที่แตกต่าง
เมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์จริง CFD มีจุดเด่นที่ช่วยให้เข้าถึงตลาดได้สะดวกกว่า
- ไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง: คุณเก็งกำไรจากราคาหุ้นหรือทองคำได้ โดยไม่ต้องซื้อของจริง
- กำไรสองทิศทาง: ทำเงินได้ทั้งตอนราคาขึ้นและลง ต่างจากการถือหุ้นที่กำไรหลักจากราคาขึ้น
- ทุนต่ำกว่า: เลเวอเรจช่วยให้เปิดตำแหน่งใหญ่ด้วยเงินน้อย
ประโยชน์เหล่านี้ทำให้ CFD เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากกระจายพอร์ตด้วยทุนจำกัด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถือครองจริง
CFD vs Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า): ทางเลือกสำหรับนักลงทุนไทย
CDF กับ Futures คล้ายกันตรงที่เป็นอนุพันธ์เก็งกำไรราคาอนาคต แต่ต่างกันในรายละเอียดที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับตลาดไทย
| คุณสมบัติ | CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) | Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) |
|---|---|---|
| การกำหนดมาตรฐาน | ไม่เป็นมาตรฐาน กำหนดโดยโบรกเกอร์ | เป็นมาตรฐาน กำหนดโดยตลาดหลักทรัพย์ (เช่น SET50 Index Futures ในตลาดอนุพันธ์ไทย) |
| วันหมดอายุ | ไม่มีวันหมดอายุ (สามารถถือได้นานเท่าที่ต้องการ โดยมีค่าธรรมเนียมข้ามคืน) | มีวันหมดอายุที่แน่นอน |
| การส่งมอบ | เป็นการชำระด้วยเงินสดเสมอ ไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริง | สามารถมีการส่งมอบสินทรัพย์จริงได้ (แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการชำระด้วยเงินสด) |
| การกำกับดูแล | ส่วนใหญ่กำกับดูแลโดยหน่วยงานต่างประเทศ (เช่น FCA, CySEC) | กำกับดูแลโดยหน่วยงานภายในประเทศ (เช่น ก.ล.ต. สำหรับตลาดอนุพันธ์ไทย) |
| ขนาดสัญญา | ยืดหยุ่นกว่า เลือกขนาดได้เล็กน้อย | กำหนดขนาดสัญญามาตรฐาน |
ถ้าคุณเคยเทรด Futures ใน TFEX ไทย เช่น SET50 Index Futures SET50 Index Futures การรู้ความต่างเหล่านี้จะช่วยให้เลือกเครื่องมือที่เข้ากับสไตล์การลงทุนของคุณได้ดี โดย Futures อาจเหมาะกับคนที่ชอบโครงสร้างมาตรฐาน ในขณะที่ CFD ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า
ข้อดีและข้อควรระวังในการเทรด CFD สำหรับนักลงทุนไทย
ข้อได้เปรียบของการเทรด CFD
CDF ดึงดูดนักลงทุนด้วยจุดแข็งหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มโอกาสในตลาด
- เข้าถึงตลาดหลากหลาย: เทรดได้ตั้งแต่หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ไปจนถึงคริปโต
- กำไรสองทาง: ไม่ว่าตลาดขึ้นหรือลง คุณเปิด Long หรือ Short ได้
- ใช้เลเวอเรจ: เพิ่มพลังการเทรดด้วยทุนน้อย โอกาสกำไรสูง
- สภาพคล่องดี: เข้าออกตลาดง่าย ไม่ติดขัด
- ป้องกันความเสี่ยง: ใช้ Hedging เพื่อคุ้มครองพอร์ต เช่น ขายชอร์ต CFD หุ้นที่ถืออยู่ ถ้ากังวลราคาลง
จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ CFD เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนไทยขยายโอกาส โดยไม่ต้องลงทุนหนักตั้งแต่แรก
ความเสี่ยงและข้อควรระวังที่นักลงทุนไทยต้องรู้
ถึงจะมีข้อดี แต่ CFD ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ต้องระวัง โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ในไทย
- เสี่ยงจากเลเวอเรจ: ขยายขาดทุนได้เร็ว ถ้าตลาดสวนทาง อาจเจอ Margin Call หรือ Stop Out
- ตลาดผันผวน: ราคาเปลี่ยนแปลงแรง อาจขาดทุนกะทันหัน
- ค่าข้ามคืน: ถือสถานะนาน ต้องจ่าย Swap Fee ซึ่งสะสมได้เยอะ
- สเปรดและค่าคอม: ลดกำไร โดยเฉพาะตอนตลาดวุ่นวายสเปรดกว้าง
- เสี่ยงโบรกเกอร์: ถ้าเลือกเจ้าไม่ดี อาจมีปัญหาถอนเงินหรือคำสั่งไม่แฟร์ หลีกเลี่ยงโบรกเกอร์เถื่อนที่ไม่กำกับดูแล
เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ การศึกษาล่วงหน้าและเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเป็นกุญแจสำคัญ
กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงสำหรับ CFD ในบริบทไทย
การจัดการความเสี่ยงคือหัวใจของการเทรด CFD โดยเฉพาะในตลาดไทยที่อาจมีปัจจัยเฉพาะอย่างข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
- ตั้ง Stop Loss และ Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและล็อกกำไร เพื่อควบคุมความเสียหาย
- จัดการเงินทุน: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อเทรด เริ่มด้วยทุนที่ยอมเสียได้
- ใช้เลเวอเรจอย่างฉลาด: เลือกระดับที่เหมาะกับความอดทนต่อความเสี่ยง
- ติดตามข่าว: สนใจเหตุการณ์เศรษฐกิจไทยและโลกที่กระทบสินทรัพย์
- ฝึกฝนก่อน: ใช้ Demo Account ลองกลยุทธ์จริงๆ ก่อนลงเงิน
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ คุณจะเทรด CFD ได้อย่างมีวินัย ลดโอกาสพลาดใหญ่
การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสมและปลอดภัยในประเทศไทย
การหาโบรกเกอร์ CFD ที่ดีคือขั้นตอนแรกที่สำคัญสำหรับนักลงทุนไทย ควรพิจารณาจุดต่อไปนี้เพื่อความมั่นใจ
- การกำกับดูแล: เลือกที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานชั้นนำอย่าง FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), ASIC (ออสเตรเลีย) แม้ ก.ล.ต. ไทยยังไม่กำกับ CFD โดยตรง แต่การเลือกเจ้ากฎเข้มงวดช่วยปกป้องทุน
- แพลตฟอร์ม: ต้องใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ดี เช่น MT4 หรือ MT5
- ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบสเปรด คอมมิชชั่น และ Swap เพื่อหาที่คุ้ม
- สินทรัพย์: ตรวจว่ามีตัวที่คุณอยากเทรดไหม
- บริการลูกค้า: ตอบเร็ว และมีภาษาไทย
- ฝากถอน: สะดวกและปลอดภัยสำหรับคนไทย
อย่าลืมเช็ครีวิวและสถานะใบอนุญาตก่อนสมัคร เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลัง
บทสรุป: CFD เป็นทางเลือกการลงทุนที่ต้องศึกษาให้ดี
CDF หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง คือเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทำกำไร ด้วยการเข้าถึงตลาดกว้าง เลเวอเรจ และโอกาสสองทาง แต่ความเสี่ยงจากเลเวอเรจและความผันผวนก็สูงไม่แพ้กัน
สำหรับนักลงทุนไทย การศึกษาลึกซึ้ง การจัดการความเสี่ยง และเลือกโบรกเกอร์ดี จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรด สุดท้าย ความรู้คือฐานรากของการลงทุนที่ยั่งยืนและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CFD สำหรับนักลงทุนไทย (FAQ)
1. CFD ย่อมาจากอะไร และต่างจาก Forex อย่างไรในมุมมองของนักลงทุนไทย?
CFD ย่อมาจาก Contract for Difference หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาโดยไม่ถือครองสินทรัพย์จริง สำหรับนักลงทุนไทย CFD มีความหลากหลายของสินทรัพย์มากกว่า Forex ซึ่งเน้นที่คู่สกุลเงินเป็นหลัก CFD สามารถเทรดได้ทั้งหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโตเคอร์เรนซี และรวมถึง Forex ด้วย นักลงทุนไทยสามารถเลือกเทรดสินทรัพย์ที่สนใจได้กว้างขวางกว่า
2. การเทรด CFD มีความเสี่ยงสูงจริงหรือไม่? และนักลงทุนไทยควรจัดการความเสี่ยงอย่างไร?
จริง การเทรด CFD มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมี เลเวอเรจที่สามารถขยายผลกำไรและขาดทุนได้อย่างมาก นักลงทุนไทยควรจัดการความเสี่ยงโดย:
- กำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) เสมอ
- ใช้เงินทุนจำนวนน้อยเมื่อเริ่มต้นและไม่เสี่ยงเกินกว่า 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรด
- ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่เทรดอย่างถ่องแท้
- ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนก่อนใช้เงินจริง
3. ฉันสามารถเทรด CFD สินทรัพย์ประเภทใดได้บ้างในประเทศไทย?
แม้ว่า CFD จะไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของ ก.ล.ต. ไทย แต่โบรกเกอร์ต่างประเทศที่ให้บริการ CFD มักจะมีสินทรัพย์หลากหลายให้เลือกเทรด ได้แก่ หุ้นต่างประเทศ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (เช่น S&P 500, FTSE 100) สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ น้ำมัน) คู่สกุลเงิน (Forex) และสกุลเงินดิจิทัล (เช่น Bitcoin, Ethereum) นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ต่างประเทศ
4. โบรกเกอร์ CFD ที่เชื่อถือได้และได้รับการกำกับดูแลในประเทศไทยมีที่ไหนบ้าง?
ปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ของไทยยังไม่มีการกำกับดูแล CFD โดยตรง ดังนั้นจึงไม่มีโบรกเกอร์ CFD “ในประเทศไทย” ที่ได้รับการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไทยมักเลือกใช้บริการจากโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับโลกที่มีชื่อเสียง เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยของเงินทุน
5. CFD คืออะไร Pantip: คำถามยอดนิยมและข้อควรระวังที่นักลงทุนไทยมักสงสัย?
ใน Pantip นักลงทุนไทยมักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับ CFD ในประเด็นต่างๆ เช่น ความเสี่ยงของเลเวอเรจ, โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ, การถอนเงิน, และการทำกำไร-ขาดทุนที่รวดเร็ว ข้อควรระวังที่มักจะถูกเน้นย้ำคือ “อย่าเชื่อคำชวนเชื่อที่เกินจริง” และ “ระวังโบรกเกอร์ที่ไม่มีใบอนุญาต” รวมถึงการศึกษาด้วยตัวเองให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจลงทุน
6. Computational Fluid Dynamics (CFD) กับ Contract for Difference (CFD) เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่?
ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง Computational Fluid Dynamics (CFD) เป็นสาขาวิชาในด้านวิศวกรรมและการคำนวณที่ใช้เพื่อวิเคราะห์การไหลของของไหล เช่น อากาศหรือน้ำ ในขณะที่ Contract for Difference (CFD) คือเครื่องมือทางการเงินที่เรากำลังกล่าวถึงในบทความนี้ โปรดระวังอย่าสับสนระหว่างสองคำนี้
7. CFD กับ Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?
ทั้งคู่เป็นอนุพันธ์ที่เก็งกำไรจากราคาในอนาคต แต่ Futures (เช่น SET50 Index Futures ใน TFEX) เป็นสัญญามาตรฐานที่มีวันหมดอายุและกำกับดูแลโดยตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ส่วน CFD ไม่เป็นมาตรฐาน ไม่มีวันหมดอายุ และกำกับดูแลโดยโบรกเกอร์ มักใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า Futures และมีการส่งมอบด้วยเงินสดเสมอ
8. ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ในการเทรด CFD ในประเทศไทย?
เงินลงทุนเริ่มต้นในการเทรด CFD สามารถเริ่มต้นได้ค่อนข้างต่ำ โดยโบรกเกอร์บางแห่งอาจกำหนดเงินฝากขั้นต่ำเพียงไม่กี่ร้อยหรือพันบาท อย่างไรก็ตาม การใช้เงินทุนที่น้อยมากอาจทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปได้ยาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะถูก Stop Out ได้ง่าย ควรเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่คุณพร้อมจะสูญเสียได้ทั้งหมด
9. มีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องพิจารณาเมื่อเทรด CFD?
ค่าใช้จ่ายหลักในการเทรด CFD ได้แก่:
- สเปรด (Spread): ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย
- ค่าคอมมิชชั่น (Commission): บางโบรกเกอร์อาจคิดค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด
- ค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Overnight Fee/Swap): ค่าธรรมเนียมสำหรับการถือสถานะข้ามคืน
- ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอนเงิน: บางโบรกเกอร์อาจมีค่าธรรมเนียมเหล่านี้
ควรตรวจสอบโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์อย่างละเอียดก่อนเริ่มต้นเทรด
10. CFD ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่? และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
CFD ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเจาะจงที่กำกับดูแลโดยตรงในประเทศไทยจาก ก.ล.ต. ซึ่งหมายความว่าไม่มีโบรกเกอร์ CFD ในประเทศที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานไทยโดยตรง อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนไทยใช้บริการโบรกเกอร์ CFD ต่างประเทศที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานสากล ไม่ได้ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่การคุ้มครองตามกฎหมายของไทยอาจไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร หากเกิดข้อพิพาทขึ้น ข้อจำกัดหลักคือการขาดการคุ้มครองจากหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。