Covered Call: 3 เคล็ดลับสร้างรายได้เพิ่ม ลดต้นทุนหุ้นในพอร์ต

ทำความรู้จัก Covered Call กลยุทธ์เพิ่มพูนผลตอบแทน

ในแวดวงการลงทุนที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน กลยุทธ์ Covered Call หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการขายสิทธิซื้อแบบมีหลักประกัน กำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่งในฐานะเครื่องมือช่วยสร้างรายได้เสริมจากหุ้นที่นักลงทุนถือไว้อยู่แล้ว กลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยยกระดับผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบนิ่งๆ หรือปรับขึ้นช้าๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการถือหุ้นในระยะยาวด้วย สำหรับผู้ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตลงทุนและแสวงหาแหล่งรายได้ที่มั่นคง Covered Call ถือเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมิติของกลยุทธ์นี้ ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงการนำไปใช้จริงในตลาดไทย รวมถึงทางเลือกอย่างกองทุน ETF แบบ Covered Call เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมั่นใจ

นักลงทุนกำลังดูกราฟหุ้นพร้อมสัญลักษณ์เงินที่แสดงถึงกลยุทธ์ Covered Call สำหรับเพิ่มผลตอบแทนและลดต้นทุนการถือครอง

Covered Call คืออะไร? แก่นแท้ของกลยุทธ์

Covered Call เป็นวิธีการลงทุนที่ชื่นชอบในหมู่นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่แล้วและอยากสร้างรายได้เพิ่มโดยไม่ต้องขายหุ้นออกทันที กลยุทธ์นี้ผสานการถือหุ้นกับการขายสิทธิซื้อในหุ้นตัวเดียวกันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

คำจำกัดความของ Covered Call

Covered Call หมายถึงการที่นักลงทุนขายหรือเขียนสิทธิซื้อ ในขณะที่ถือหุ้นอ้างอิงไว้ในจำนวนที่เท่ากับสัญญานั้นๆ อย่างน้อย 100 หุ้นต่อสัญญาหนึ่ง การมีหุ้นเป็นหลักประกันทำให้กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงจำกัดมากกว่าการขายสิทธิซื้อแบบไม่มีหลักประกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีขีดจำกัด

ส่วนประกอบสำคัญของ Covered Call

เพื่อเข้าใจกลยุทธ์นี้ให้ถ่องแท้ จำเป็นต้องรู้จักส่วนประกอบหลักของสิทธิซื้อดังนี้:

  • หุ้น: สินทรัพย์หลักที่นักลงทุนถือไว้ โดยปกติสัญญาหนึ่งครอบคลุมหุ้น 100 หุ้น
  • สิทธิซื้อ: สัญญาที่มอบสิทธิให้ผู้ซื้อในการซื้อหุ้นอ้างอิงในราคาและเวลาที่กำหนด
  • ราคาใช้สิทธิ: ราคาที่ผู้ซื้อสิทธิมีสิทธิซื้อหุ้นจากผู้ขาย หากมีการใช้สิทธิ
  • วันหมดอายุ: วันสุดท้ายที่สิทธิซื้อสามารถใช้ได้
  • เบี้ยประกัน: เงินที่ผู้ขายได้รับจากการขายสิทธิ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของกลยุทธ์
มือสองข้างกำลังถือใบหุ้นและสัญญาสิทธิซื้อที่แสดงถึงส่วนประกอบหลักของกลยุทธ์ Covered Call

Covered Call ทำงานอย่างไร? กลไกการสร้างรายได้

กระบวนการทำงานของ Covered Call ค่อนข้างเรียบง่าย โดยมุ่งเน้นไปที่การรับเบี้ยประกันเป็นหลัก ในขณะที่ยังคงถือหุ้นไว้

ขั้นตอนการทำ Covered Call

  1. ซื้อหรือถือหุ้น: ต้องมีหุ้นสามัญของบริษัทใดบริษัทหนึ่งอย่างน้อย 100 หุ้นต่อสัญญาสิทธิซื้อที่ต้องการขาย
  2. ขายสิทธิซื้อ: เลือกราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุที่คาดว่าราคาหุ้นจะไม่ทะลุมากนัก จากนั้นขายสัญญาออกไป
  3. รับเบี้ยประกัน: ทันทีที่ขายสิทธิ เบี้ยประกันจะเข้าบัญชี ซึ่งเป็นรายได้จากการมอบสิทธิให้ผู้ซื้อ
  4. รอวันหมดอายุ: รอจนกว่าจะครบกำหนดโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เว้นแต่ต้องการปรับแผน
แผนผังกระบวนการแสดงขั้นตอนการซื้อหุ้น ขายสิทธิซื้อ รับเบี้ยประกัน และสามสถานการณ์ที่เป็นไปได้เมื่อครบกำหนด

สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อครบกำหนด

เมื่อสัญญาสิทธิซื้อหมดอายุ จะมีสามกรณีหลักที่นักลงทุนควรพิจารณา:

  • ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ: หากราคาหุ้นตอนหมดอายุต่ำกว่าราคาที่ขาย สัญญาจะหมดอายุโดยไม่ใช้สิทธิ นักลงทุนเก็บเบี้ยเต็มจำนวนและถือหุ้นต่อ
  • ราคาหุ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิ (หุ้นถูกเรียกคืน): หากราคาสูงกว่าราคาที่กำหนด ผู้ซื้อน่าจะใช้สิทธิซื้อหุ้นจากคุณในราคานั้น หุ้นจะถูกเรียกคืน คุณได้กำไรจากเบี้ยบวกส่วนต่างราคา (ถ้าราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาซื้อต้นทาง)
  • ราคาหุ้นเท่าราคาใช้สิทธิ: กรณีนี้เกิดขึ้นน้อย แต่หากเกิด สัญญาอาจถูกใช้หรือไม่ใช้ ขึ้นกับผู้ซื้อ ผลทางการเงินใกล้เคียงสองกรณีก่อนหน้า

ข้อดีของ Covered Call: ทำไมต้องใช้กลยุทธ์นี้?

Covered Call นำเสนอประโยชน์หลายด้านที่ดึงดูดนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการรายได้เสริมจากพอร์ตหุ้น

สร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ

ประโยชน์เด่นชัดคือการรับเบี้ยประกันเป็นรายได้สม่ำเสมอ หากทำซ้ำๆ จะมีเงินไหลเข้าบัญชี ซึ่งนำไปใช้หรือลงทุนต่อได้ โดยเฉพาะในตลาดนิ่งหรือขาขึ้นช้าๆ ที่กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้เด่นขึ้น

ลดต้นทุนการถือครองหุ้น

เบี้ยที่ได้จากการขายสิทธิสามารถนำมาหักลบกับราคาซื้อหุ้นได้ หากราคาหุ้นนิ่งหรือลดลงนิดหน่อย เบี้ยนี้จะช่วยลดขาดทุนหรือเพิ่มกำไรรวม ทำให้พอร์ตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ป้องกันความเสี่ยงขาลงได้บางส่วน

ถึงแม้จะไม่ป้องกันการตกของราคาหุ้นได้เต็มที่ แต่เบี้ยประกันทำหน้าที่เป็นเกราะกันชน หากราคาลดลงเล็กน้อย เบี้ยจะชดเชยส่วนหนึ่ง ทำให้จุดคุ้มทุนต่ำลงและช่วยรักษาสมดุลพอร์ต

ความเสี่ยงและข้อเสียของ Covered Call

เหมือนกลยุทธ์ลงทุนอื่นๆ Covered Call ก็มีจุดอ่อนและความเสี่ยงที่ต้องชั่งน้ำหนักก่อนนำไปใช้

กำไรจำกัด

ข้อจำกัดหลักคือโอกาสกำไรถูกปิดกั้น หากหุ้นพุ่งขึ้นแรงเกินราคาใช้สิทธิ กำไรสูงสุดจะอยู่ที่เบี้ยบวกส่วนต่างจากราคาซื้อเท่านั้น คุณจะพลาดส่วนที่ราคาขึ้นเกินนั้น

โอกาสพลาดกำไรจากการขึ้นของหุ้น

ถ้าหุ้นมีข่าวดีและราคาพุ่งสูงเกินราคาใช้สิทธิ หุ้นจะถูกเรียกคืนในราคากำหนด ทำให้คุณสูญเสียโอกาสกำไรจากส่วนที่เหลือ นี่คือต้นทุนโอกาสที่ต้องยอมรับในกลยุทธ์นี้

ความเสี่ยงที่หุ้นจะถูกเรียกคืน (Call Away)

การถูกเรียกคืนหุ้นไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปถ้าได้กำไร แต่หากคุณอยากถือหุ้นตัวนั้นยาวๆ อาจต้องซื้อคืนในราคาที่แพงขึ้น พร้อมค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

การประยุกต์ใช้ Covered Call ในตลาด TFEX ของประเทศไทย

นักลงทุนไทยสามารถนำ Covered Call ไปใช้ผ่านตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย หรือ TFEX ซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายผลิตภัณฑ์อนุพันธ์

TFEX คืออะไร และบทบาทในการซื้อขายออปชั่น

TFEX หรือ Thailand Futures Exchange คือตลาดซื้อขายล่วงหน้าของไทย อยู่ภายใต้การกำกับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่นี่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย รวมถึงสิทธิซื้อหุ้น (Stock Options) ที่อ้างอิงหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ลงทุนไทยเข้าถึงกลยุทธ์ Covered Call กับหุ้นในประเทศได้สะดวก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TFEX

ขั้นตอนการเปิดบัญชีและซื้อขาย Covered Call ในประเทศไทย

  1. เปิดบัญชีอนุพันธ์: ต้องมีบัญชีกับโบรกเกอร์ที่รองรับการซื้อขายอนุพันธ์ บางแห่งอาจต้องผ่านการทดสอบความรู้ก่อน
  2. โอนหุ้นเข้าบัญชี: ยืนยันว่าหุ้นที่ใช้เป็นหลักประกันอยู่ในบัญชีหลักทรัพย์
  3. เลือกหุ้นและสิทธิที่เหมาะ: มองหาหุ้นสภาพคล่องดี แล้วกำหนดราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุให้ตรงกับวิสัยทัศน์
  4. ส่งคำสั่งขาย: แจ้งโบรกเกอร์ขายเปิดสิทธิซื้อในหุ้นที่ถือ เบี้ยจะเข้าบัญชีทันที

ข้อควรพิจารณาสำหรับนักลงทุนไทย

  • สภาพคล่อง: ตรวจสอบปริมาณซื้อขายของสิทธิที่สนใจ บางตัวอาจไม่ค่อยมีสภาพคล่อง
  • ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าบริการของโบรกเกอร์แต่ละแห่ง
  • เวลาทำการ: เวลาซื้อขายใน TFEX อาจต่างจากตลาดหุ้น
  • กฎระเบียบ: ศึกษากฎของ TFEX และ ก.ล.ต. (SEC Thailand) ให้ละเอียด

Covered Call ETF: ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความง่าย

หากคุณอยากใช้ Covered Call เพื่อสร้างรายได้แต่ไม่มีเวลาหรือความชำนาญในการจัดการสิทธิด้วยตัวเอง กองทุน ETF แบบ Covered Call คือทางออกที่สะดวก

Covered Call ETF คืออะไร?

Covered Call ETF คือกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยลงทุนในหุ้นและขายสิทธิซื้อในหุ้นเหล่านั้นเพื่อรับเบี้ยประกัน มีผู้จัดการกองทุนมือโปรคอยดูแล เน้นสร้างรายได้สม่ำเสมอให้ผู้ถือหน่วย

ข้อดีและข้อเสียของ Covered Call ETF

ข้อดี:

  • การจัดการแบบไม่ต้องลงมือ: ไม่ต้องจัดการสิทธิเอง ผู้เชี่ยวชาญจัดการให้หมด
  • กระจายความเสี่ยง: ลงทุนในหุ้นหลายตัว ช่วยลดความเสี่ยงจากหุ้นตัวเดียว
  • รายได้ประจำ: หลายกองทุนจ่ายเงินปันผลจากเบี้ยทุกเดือน
  • เข้าถึงง่าย: ซื้อขายเหมือนหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์

ข้อเสีย:

  • ค่าดูแลกองทุน: มีอัตราค่าใช้จ่ายที่หักจากผลตอบแทน
  • ผลตอบแทนจำกัด: คล้ายการทำเอง ในตลาดขาขึ้นแรงอาจไม่เต็มศักยภาพ
  • ความเสี่ยงจากราคาหุ้น: ยังเสี่ยงหากหุ้นอ้างอิงตกต่ำ

ตัวอย่าง Covered Call ETF ที่ได้รับความนิยม

ตัวอย่างที่โด่งดังระดับโลกคือ QYLD (Global X NASDAQ 100 Covered Call ETF) ซึ่งลงทุนในหุ้นชั้นนำ 100 ตัวของดัชนี NASDAQ และขายสิทธิในดัชนีนั้นเพื่อรับเบี้ย QYLD ขึ้นชื่อเรื่องเงินปันผลรายเดือนสูง แต่ควรศึกษาผลงานย้อนหลังให้ดีก่อนลงทุน

ควรเลือก Covered Call ETF หรือทำ Covered Call ด้วยตัวเอง?

การเลือกขึ้นกับเป้าหมาย ความรู้และเวลาที่มี:

  • ทำด้วยตัวเอง: เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญสิทธิ มีเวลาติดตามและอยากควบคุมราคาใช้สิทธิกับวันหมดอายุเต็มที่
  • Covered Call ETF: เหมาะกับผู้ที่ต้องการแบบง่ายๆ ไม่ต้องจัดการเอง หรืออยากกระจายความเสี่ยงในพอร์ต

กลยุทธ์และเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Covered Call

นอกจากพื้นฐาน การใช้เทคนิคพิเศษยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพและควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น

การเลือกหุ้นที่เหมาะสมสำหรับ Covered Call

  • หุ้นผันผวนปานกลาง: หุ้นผันผวนมากอาจถูกเรียกคืนง่าย ส่วนหุ้นนิ่งเกินไปอาจได้เบี้ยน้อย
  • หุ้นแนวโน้มนิ่งหรือขึ้นช้า: กลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดแบบนี้มากที่สุด
  • หุ้นที่อยากถือยาว: ถ้าถูกเรียกคืนจะไม่เสียดาย หากเดิมทีก็คิดจะขายอยู่แล้ว
  • หุ้นจ่ายปันผล: ถ้าไม่ถูกเรียกคืน จะได้ทั้งเบี้ยและปันผลเพิ่ม

การปรับกลยุทธ์ (Rolling Options)

Rolling Options คือการปรับสัญญาเดิมก่อนหมดอายุ เพื่อรับเบี้ยเพิ่มหรือหลีกเลี่ยงการถูกเรียกคืน มีสามรูปแบบหลัก:

  • Roll Forward: ปิดสัญญาเก่า เปิดใหม่ที่มีวันหมดอายุไกลกว่า เพื่อมีเวลามากขึ้น
  • Roll Up: ปิดเก่า เปิดใหม่ราคาใช้สิทธิสูงกว่า เพื่อลุ้นกำไรจากราคาที่ขึ้น
  • Roll Down: ปิดเก่า เปิดใหม่ราคาต่ำกว่า เพื่อรับเบี้ยสูงขึ้นหรือลดเสี่ยงถูกเรียกคืน โดยมักใช้เมื่อราคาหุ้นตก

Covered Call กับกลยุทธ์อื่นๆ

Covered Call เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สิทธิหลากหลาย ควรศึกษาคู่กับตัวอื่น เช่น Cash Secured Put ซึ่งขายสิทธิขายแบบมีเงินค้ำประกัน เพื่อสร้างรายได้ในตลาดขาลงหรือซื้อหุ้นในราคาถูกกว่า

ข้อควรระวังและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการทำ Covered Call ในไทย

การลงทุนอนุพันธ์ซับซ้อนและมีกฎเกณฑ์มาก นักลงทุนต้องใส่ใจข้อควรระวังและผลกระทบภาษี

กฎระเบียบและข้อจำกัด

ต้องเข้าใจกฎของ TFEX และ ก.ล.ต. ที่อาจเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติตามช่วยหลีกเลี่ยงปัญหากฎหมาย

ภาษีกำไรจากการลงทุน Covered Call

ในไทย กำไรจากการขายสิทธิใน TFEX ถือเป็นรายได้จากอนุพันธ์ ซึ่งภาษีต่างจากหุ้นสามัญ การคำนวณซับซ้อน ขึ้นกับประเภทผู้ลงทุน สำหรับบุคคลธรรมดา มักหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ของกำไร เป็นภาษีสุดท้ายไม่ต้องรวมสิ้นปี แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือกรมสรรพากรให้อัปเดต ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร

บทสรุป: Covered Call ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

Covered Call เป็นกลยุทธ์ที่มีพลังในการสร้างรายได้เสริมจากหุ้นที่ถือ โดยเฉพาะในตลาดนิ่งหรือขาขึ้นช้า แม้มีข้อจำกัดเรื่องกำไรจำกัดและเสี่ยงถูกเรียกคืน แต่ด้วยการวางแผนดีๆ การเลือกหุ้นเหมาะสม และการจัดการฉลาด จะช่วยเพิ่มผลตอบแทน ลดต้นทุน และสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะทำเองใน TFEX หรือผ่าน ETF ที่มีผู้จัดการมือโปร การเข้าใจลึกซึ้งคือก้าวแรกสู่การลงทุนที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

Covered Call เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน?

Covered Call เหมาะกับนักลงทุนที่ถือหุ้นระยะยาว คาดว่าราคาจะนิ่งหรือขึ้นช้าๆ และอยากสร้างรายได้เสริมจากหุ้นเหล่านั้น นอกจากนี้ยังดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดต้นทุนถือหุ้นหรือมีกันชนเมื่อราคาลดลงนิดหน่อย

Covered Call แตกต่างจาก “ซื้อ Call Option” ทั่วไปอย่างไร?

ซื้อสิทธิซื้อ คือการจ่ายเบี้ยเพื่อรับสิทธิซื้อหุ้นในอนาคต คาดว่าราคาจะขึ้นแรงเพื่อกำไรจากส่วนต่าง

Covered Call คือการขายสิทธิซื้อขณะถือหุ้นอยู่ เพื่อรับเบี้ยสร้างรายได้และลดต้นทุน คาดว่าราคาจะไม่เกินราคาใช้สิทธิ

การทำ Covered Call ในตลาด TFEX ต้องเปิดบัญชีประเภทใด?

ต้องเปิดบัญชีอนุพันธ์กับบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจต้องทดสอบความรู้และประสบการณ์ด้านอนุพันธ์ก่อน

ถ้าหุ้นถูก Call Away (ถูกเรียกคืน) จะเกิดอะไรขึ้น และมีวิธีหลีกเลี่ยงหรือไม่?

หากหุ้นถูกเรียกคืน หุ้นจะถูกขายในราคาใช้สิทธิที่กำหนด คุณได้เงินราคานั้นบวกเบี้ยที่รับไว้

วิธีหลีกเลี่ยงคือปรับสิทธิ (Roll) ก่อนหมดอายุ เช่น Roll Forward เพื่อเลื่อนวัน หรือ Roll Up เพื่อขึ้นราคาใช้สิทธิ หรือปิดสถานะก่อน หากไม่อยากขายหุ้น

Covered Call ETF ให้ผลตอบแทนดีกว่า Covered Call ที่ทำเองหรือไม่?

ไม่แน่นอน การทำเองอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าถ้ามีความชำนาญในการเลือกหุ้น ราคาใช้สิทธิ และวันหมดอายุ พร้อมจัดการดี แต่ต้องใช้เวลาและความรู้

ETF ให้ความสะดวกและกระจายเสี่ยงดีกว่า แต่อาจมีค่าดูแลและผลตอบแทนจำกัดในบางกรณี

การปรับกลยุทธ์ (Rolling Options) ใน Covered Call ทำได้อย่างไร?

Rolling คือปิดสถานะสิทธิเก่าแล้วเปิดใหม่ในหุ้นเดียวกัน แต่เปลี่ยนราคาใช้สิทธิหรือวันหมดอายุ

  • Roll Forward: ปิดเก่า ขายใหม่วันหมดอายุไกลกว่า
  • Roll Up: ปิดเก่า ขายใหม่ราคาใช้สิทธิสูงกว่า
  • Roll Down: ปิดเก่า ขายใหม่ราคาต่ำกว่า

ทำเพื่อรับเบี้ยเพิ่ม หลีกเลี่ยงถูกเรียกคืน หรือปรับตามตลาดที่เปลี่ยน

กำไรจากการทำ Covered Call ต้องเสียภาษีในประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร?

ใช่ กำไรจากการทำ Covered Call ใน TFEX ต้องเสียภาษี

บุคคลธรรมดา มักหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เป็นภาษีสุดท้าย ไม่รวมสิ้นปี แต่ควรเช็กข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรหรือผู้เชี่ยวชาญ

ควรเลือกหุ้นที่มีลักษณะอย่างไรในการทำ Covered Call?

เลือกหุ้นผันผวนปานกลาง สภาพคล่องดี แนวโน้มราคานิ่งหรือขึ้นช้า หุ้นที่อยากถือยาวและจ่ายปันผลดี เพราะจะได้ทั้งเบี้ยและปันผลถ้าไม่ถูกเรียกคืน

มีโบรกเกอร์ไทยรายใดบ้างที่รองรับการซื้อขาย Covered Call?

โบรกเกอร์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ทำ TFEX รองรับ Covered Call ตัวอย่างเช่น หลักทรัพย์กสิกรไทย (KS), หลักทรัพย์บัวหลวง (BLS), หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS), หลักทรัพย์ภัทร (PHATRA) ควรสอบถามโบรกเกอร์โดยตรงเพื่อยืนยันบริการและค่าธรรมเนียม

ถ้าตลาดหุ้นผันผวนมาก ควรทำ Covered Call หรือไม่?

ในตลาดผันผวนสูง Covered Call อาจเสี่ยงกว่า

  • ขาขึ้นแรง: เสี่ยงถูกเรียกคืนและพลาดกำไรส่วนเกิน
  • ขาลงแรง: เบี้ยช่วยลดขาดทุนได้บ้างแต่ไม่มากพอ

กลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดนิ่งหรือขึ้นช้า ในช่วงผันผวนควรคิดให้รอบคอบ หรือลองกลยุทธ์สิทธิอื่นที่เหมาะกับสถานการณ์

Author photo

發佈留言