
เงินฝืด ข้อดี ข้อเสีย: ภัยเงียบหรือโอกาสทอง? 5 สิ่งที่คนไทยควรรู้ก่อนสายเกินไป
บทนำ: ทำความรู้จัก “เงินฝืด” ภาวะเศรษฐกิจที่อาจใกล้ตัวกว่าที่คิด
ในโลกเศรษฐกิจที่เราคุ้นเคยกันดี คำว่าเงินเฟ้อมักถูกพูดถึงบ่อยๆ กับราคาสินค้าและบริการที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด แต่มีอีกด้านหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน และอาจกระทบชีวิตคนไทยในแบบที่คาดไม่ถึง นั่นคือภาวะเงินฝืด ซึ่งตรงข้ามกับเงินเฟ้อโดยสิ้นเชิง ราคาสินค้าและบริการโดยรวมจะลดลงต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าเงินในกระเป๋าเรามีพลังมากขึ้น แต่เบื้องหลังนี้ อาจซ่อนปัญหาเศรษฐกิจที่ซับซ้อนรออยู่ การรู้จักเงินฝืดให้ลึกซึ้ง ทั้งสาเหตุ ข้อดีข้อเสีย และวิธีรับมือ จึงจำเป็นมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนหลายประการ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกแง่มุมของเงินฝืดอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้เข้าใจและเตรียมตัวได้ดีขึ้น

เงินฝืดคืออะไร? ทำความเข้าใจนิยามและกลไกพื้นฐาน
เงินฝืดหมายถึงสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการในภาพรวมของเศรษฐกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้มูลค่าของเงินเพิ่มพูนขึ้น หรือพูดง่ายๆ คือเงินเดิมที่เรามีสามารถซื้อของได้มากกว่าเดิม ผู้คนจึงเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นในราคาที่ถูกลง แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันยังบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่กำลังชะงักงัน และอาจก่อให้เกิดปัญหาลึกซึ้งยิ่งกว่า
กลไกที่อยู่เบื้องหลังมักเกิดจากปริมาณสินค้าและบริการในตลาดล้นเหลือเมื่อเทียบกับความต้องการ หรือเงินที่หมุนเวียนในระบบน้อยเกินไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาลดลงเพื่อดึงดูดลูกค้า หากแนวโน้มนี้ยืดเยื้อและแผ่ขยาย มันจะกลายเป็นเงินฝืดเต็มตัว ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับปัจจัยอื่นๆ ในเศรษฐกิจ เช่น การบริโภคที่หดตัวหรือการผลิตที่เกินกำลัง

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะเงินฝืดในระบบเศรษฐกิจไทย
เงินฝืดไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายอย่างที่มารวมตัวกันในบริบทของไทย โดยสาเหตุสำคัญๆ มีดังนี้
- อุปสงค์รวมลดลง: เมื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจอ่อนแอ การใช้จ่ายและลงทุนก็หดตัวตาม อาจมาจากความไม่แน่นอนในประเทศ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง หรือผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ทำให้การส่งออกของไทยสะดุด
- อุปทานส่วนเกิน: ถ้าการผลิตในประเทศมากเกินกว่าความต้องการทั้งในและต่างประเทศ สินค้าจะค้างสต็อก ผู้ผลิตจึงต้องลดราคาเพื่อเคลียร์คลังสินค้า ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันราคาที่รุนแรง
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: นวัตกรรมใหม่ๆ ช่วยตัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลให้ราคาบางสินค้าลดลง ในระยะยาว อาจกระจายไปยังภาคส่วนอื่นๆ และกดดันราคาโดยรวม
- นโยบายการเงินที่เข้มงวด: ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยปรับดอกเบี้ยสูงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เงินในระบบจะหดตัว สร้างแรงกดให้ราคาลดลงและเศรษฐกิจชะลอ
- หนี้สินจำนวนมาก: หนี้ที่สะสมทั้งในครัวเรือนและธุรกิจ ทำให้ทุกคนลดการใช้จ่ายเพื่อโฟกัสชำระหนี้ ส่งผลให้อุปสงค์โดยรวมอ่อนแอลง
จากประสบการณ์ในอดีต เช่น ช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง สาเหตุเหล่านี้มักเชื่อมโยงกัน ทำให้เงินฝืดกลายเป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในเศรษฐกิจไทย

ข้อดีของเงินฝืด: เมื่อราคาลดลง ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริงหรือ?
แม้เงินฝืดจะถูกมองเป็นสัญญาณเตือน แต่ในช่วงแรกๆ มันก็มีด้านบวก โดยเฉพาะสำหรับผู้บริโภคที่อาจรู้สึกโล่งใจกับราคาที่ถูกลง
- อำนาจซื้อเพิ่มขึ้น: เงินเดิมสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าได้มากกว่าเดิม ทำให้ค่าครองชีพในชีวิตประจำวันดูเบาลง ผู้คนใช้จ่ายได้สบายใจกว่า
- ราคาสินค้าถูกลง: สิ่งของที่เคยแพง เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือที่อยู่อาศัยบางประเภท กลายเป็นโอกาสซื้อในราคาที่เอื้อมถึงได้
- ผู้ที่มีเงินสดหรือเงินออมได้ประโยชน์: มูลค่าจริงของเงินออมจะสูงขึ้น เพราะสามารถซื้อของได้มากกว่าในอนาคต กลุ่มคนที่ชอบเก็บเงินจึงรู้สึกมั่นใจและมั่งคั่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์เหล่านี้มักจำกัดอยู่แค่ระยะสั้น หากเงินฝืดยืดเยื้อ ผลเสียอาจตามมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจเริ่มสะดุด
ข้อเสียของเงินฝืด: ภัยเงียบที่คุกคามภาคธุรกิจและการจ้างงาน
ผลกระทบเชิงลบของเงินฝืดนั้นรุนแรงและแผ่ขยายกว้าง โดยเฉพาะต่อธุรกิจและการมีงานทำ ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจ
- กำไรภาคธุรกิจลดลง: ผู้ประกอบการต้องลดราคาขายเพื่อแข่งขัน แต่ต้นทุนที่เกี่ยวข้องอาจไม่ลดลงตาม ส่งผลให้กำไรหดตัวและบางรายอาจขาดทุน
- การลงทุนหยุดชะงัก: เมื่อกำไรน้อยและอนาคตมืดมน ธุรกิจจะชะลอการขยายตัว การวิจัย หรือการอัพเกรดเครื่องจักร เพื่อรักษาสภาพคล่อง
- การว่างงานเพิ่มขึ้น: เพื่อตัดต้นทุน บริษัทอาจลดกำลังผลิต ปลดพนักงาน หรือหยุดรับคนใหม่ ทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูง
- ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นในเชิงมูลค่าที่แท้จริง: หนี้เดิมยังคงจำนวนเท่าเดิม แต่เมื่อมูลค่าเงินสูงขึ้น ภาระจริงก็หนักหน่วงกว่า ผู้กู้จึงเครียดและเสี่ยงผิดนัดมากขึ้น
- วงจรเงินฝืด: นี่คือกับดักร้ายแรงที่สุด เมื่อราคาลด ผู้บริโภคอาจรอซื้อของราคาถูกลงอีก ส่งผลให้ยอดขายตก ธุรกิจลดราคาเพิ่ม ปลดคนงาน รายได้ลด การใช้จ่ายยิ่งหด วนลูปนี้จะดึงเศรษฐกิจลงสู่ภาวะถดถอยลึก
สำหรับธุรกิจขนาดกลางและย่อมในไทย ซึ่งมักมีทุนจำกัดและปรับตัวช้า เงินฝืดยิ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ที่อาจทำให้หลายรายล้มละลาย
เปรียบเทียบ เงินฝืด vs. เงินเฟ้อ: สองด้านของเหรียญเศรษฐกิจ
เงินฝืดและเงินเฟ้อเป็นขั้วตรงข้ามในเศรษฐกิจ การเปรียบเทียบช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าสุขภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไร
| ลักษณะ | เงินฝืด | เงินเฟ้อ |
|---|---|---|
| นิยาม | ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปลดลงต่อเนื่อง | ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง |
| มูลค่าเงิน | เพิ่มขึ้น (อำนาจซื้อสูงขึ้น) | ลดลง (อำนาจซื้อต่ำลง) |
| สาเหตุหลัก | อุปสงค์ลด, อุปทานเกิน, หนี้สูง, นโยบายการเงินเข้มงวด | อุปสงค์เพิ่ม, ต้นทุนสูงขึ้น, พิมพ์เงินมากเกินไป |
| ข้อดี | ผู้บริโภคซื้อของถูกลง, ผู้มีเงินออมได้ประโยชน์ | กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในระดับปานกลาง |
| ข้อเสีย | ธุรกิจกำไรลด, การลงทุนหยุด, การว่างงานเพิ่ม, หนี้หนักขึ้น, เศรษฐกิจถดถอย | ค่าครองชีพสูงขึ้น, ลดอำนาจซื้อ, ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ |
| ผู้ได้ประโยชน์ | ผู้บริโภค (ระยะสั้น), ผู้มีเงินออม, เจ้าหนี้ | ลูกหนี้, รัฐบาล (ในแง่ลดภาระหนี้), ผู้ผลิต (ระยะสั้น) |
| ผู้เสียประโยชน์ | ผู้ผลิต/ธุรกิจ, ลูกหนี้, รัฐบาล (ภาระหนี้เพิ่มขึ้นในรูปของมูลค่าที่แท้จริง) | ผู้มีรายได้ประจำ, ผู้มีเงินออม, เจ้าหนี้ |
| เป้าหมายของธนาคารกลาง | กระตุ้นเศรษฐกิจให้ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย | ชะลอเศรษฐกิจให้ราคามีเสถียรภาพ |
ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางทั่วโลกมักกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อต่ำๆ ที่มั่นคง เช่น 1-3% เพื่อส่งเสริมการเติบโต เพราะทั้งเงินเฟ้อสูงและเงินฝืดล้วนเป็นภัยต่อเศรษฐกิจ
ใครได้ ใครเสียประโยชน์จากภาวะเงินฝืดในบริบทของประเทศไทย?
ในภาวะเงินฝืด ผลกระทบจะแตกต่างกันไปตามกลุ่มคนในสังคมไทย
- ผู้ได้ประโยชน์ (ในระยะสั้น/บางกลุ่ม):
- ผู้บริโภคทั่วไป: ซื้อของได้ราคาถูก ค่าครองชีพดูไม่หนักหนา
- ผู้ที่มีเงินออมหรือเงินสดจำนวนมาก: มูลค่าออมทรัพย์เพิ่มขึ้น สามารถซื้อของได้มากกว่า เช่น ผู้สูงอายุที่พึ่งพาเงินบำนาญ
- เจ้าหนี้: ได้รับชำระหนี้ในมูลค่าสูงขึ้น
- ผู้นำเข้า: สินค้าต่างประเทศถูกลง หากเงินบาทแข็งค่า
- ผู้เสียประโยชน์:
- ผู้ผลิตและภาคธุรกิจ: กำไรลด การผลิตชะงัก โดยเฉพาะ SMEs ที่ทุนน้อย
- ลูกหนี้: หนี้จริงหนักขึ้น ชำระยากทั้งหนี้บ้านและธุรกิจ
- แรงงาน/พนักงาน: เสี่ยงตกงานหรือไม่ขึ้นเงินเดือน
- รัฐบาล: ภาษีลดลงจากเศรษฐกิจชะลอ หนี้สาธารณะหนักขึ้น
- เกษตรกร: ราคาพืชผลตก รายได้หด
- ผู้ส่งออก: ถ้าเงินบาทแข็ง สินค้าไทยแพงในตลาดโลก
นโยบายภาครัฐและธนาคารกลางกับการรับมือเงินฝืดในประเทศไทย
เมื่อเงินฝืดมาเยือน รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลงมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- นโยบายการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย:
- ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: ลดค่าดอกเบี้ยยืม กระตุ้นกู้ยืม ใช้จ่าย และลงทุน
- การผ่อนคลายเชิงปริมาณ: ซื้อสินทรัพย์เช่นพันธบัตร เพื่อเพิ่มเงินในระบบและกดดอกเบี้ยระยะยาว
- การสื่อสารและชี้นำตลาด: สร้างความเชื่อมั่น ลดความคาดหวังว่าราคาจะลดต่อเนื่อง
- นโยบายการคลัง โดยรัฐบาล:
- การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ: ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างงานและรายได้
- การลดภาษี: เพิ่มกำลังซื้อ ลดต้นทุนธุรกิจ
- มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม: เงินช่วยผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร เพื่อพยุงอุปสงค์
อ้างอิงจากบทความของ ธปท. เกี่ยวกับนโยบายการเงินในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย
รัฐบาลไทยเคยใช้มาตรการอย่างคนละครึ่งหรือลดภาษี เพื่อป้องกันเงินฝืดรุนแรง ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้จาก กระทรวงการคลัง
คำแนะนำสำหรับคนไทย: การปรับตัวในยุคเงินฝืด
การรับมือเงินฝืดต้องวางแผนให้รอบคอบ สำหรับแต่ละกลุ่มในสังคมไทย
- สำหรับผู้บริโภค:
- ฉลาดในการใช้จ่าย: ซื้อของจำเป็นตอนราคาตก แต่ไม่รอมากเกินไปเพื่อไม่กระทบธุรกิจ
- ลดหนี้สิน: ลดภาระให้เหลือน้อยสุด เพราะหนี้จริงจะหนักขึ้น
- พิจารณาการออม: เงินสดมีมูลค่าเพิ่ม แต่ผลตอบแทนธนาคารต่ำ ควรลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ผลบวกจริง
- สำหรับผู้ประกอบการ (SMEs):
- บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: ตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ลดต้นทุนผลิต
- สร้างความแตกต่างให้สินค้าและบริการ: เน้นคุณค่า ไม่แข่งราคา
- มองหาตลาดใหม่: ขยายส่งออกหรือขายออนไลน์ ถ้าตลาดในชะลอ
- รักษาสภาพคล่อง: เก็บเงินสดสำรองให้พอ สำหรับความไม่แน่นอน
- สำหรับนักลงทุน:
- เลือกสินทรัพย์ที่ปลอดภัย: พันธบัตรรัฐหรือหุ้นบริษัทกระแสเงินสดดี
- กระจายความเสี่ยง: อย่ากองในประเภทเดียว
- หลีกเลี่ยงการก่อหนี้เพื่อลงทุน: หนี้จะยิ่งหนัก
สรุป: เข้าใจเงินฝืด เพื่ออนาคตเศรษฐกิจที่มั่นคง
เงินฝืดคือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการลดลงไม่หยุด แม้จะช่วยผู้บริโภคในช่วงแรกด้วยอำนาจซื้อที่สูงขึ้น แต่ยาวนานแล้ว มันคือภัยที่กัดกินธุรกิจ การลงทุน และงาน ทำให้เสี่ยงเข้าวงจรถดถอยหนัก
การรู้สาเหตุ ผลกระทบ และความต่างจากเงินเฟ้อ ช่วยให้คนไทยทุกคนเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ประกอบการ หรือนักลงทุน รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยต้องใช้เครื่องมือการเงินและการคลังช่วยเหลือ ขณะที่เราต้องปรับตัวด้วยการจัดการเงิน ลดหนี้ และลงทุนฉลาด เพื่อรักษาความมั่นคงในเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน
เงินฝืดมีผลกระทบต่อ “ค่าครองชีพ” ของคนไทยอย่างไร?
ในระยะสั้น เงินฝืดทำให้ราคาสินค้าและบริการทั่วไปลดลง ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อของได้ในราคาถูกลง และรู้สึกว่ามีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพในแง่ของการใช้จ่ายประจำวันอาจดูเหมือนลดลง แต่หากเงินฝืดรุนแรงขึ้น รายได้และการจ้างงานลดลงในระยะยาว ก็จะส่งผลกระทบให้ความสามารถในการหาเงินลดลง ทำให้รู้สึกว่าค่าครองชีพยังคงเป็นภาระได้
หากเกิดเงินฝืด “ธนาคารแห่งประเทศไทย” จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มักจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น:
- การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมและกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค
- การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากจำเป็น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ
- การสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและชี้นำตลาด
ในภาวะเงินฝืด “ผู้ประกอบการ SMEs” ในประเทศไทยควรปรับตัวอย่างไร?
ผู้ประกอบการ SMEs ควรเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการเพื่อลดการแข่งขันด้านราคา รักษาสภาพคล่องทางการเงินให้ดี และมองหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ หรือช่องทางการขายออนไลน์ เพื่อลดผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงในตลาดเดิม
เงินฝืดทำให้ “หนี้สิน” ของประชาชนไทยมีภาระหนักขึ้นจริงหรือ?
จริงครับ แม้จำนวนเงินหนี้สินจะเท่าเดิม แต่เมื่อเกิดเงินฝืด มูลค่าที่แท้จริงของเงินจะเพิ่มขึ้น ทำให้ภาระหนี้สินในเชิงของอำนาจซื้อสูงขึ้น ประชาชนจึงรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการชำระหนี้ และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้นได้
ควร “ลงทุน” อะไรดีในตลาดหุ้นไทยช่วงที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเงินฝืด?
ในช่วงเงินฝืด นักลงทุนอาจพิจารณาการลงทุนใน:
- สินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำ
- หุ้นของบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง มีหนี้สินต่ำ และสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีแม้ราคาจะลดลง
- ธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและไม่ได้รับผลกระทบจากราคามากนัก
สิ่งสำคัญคือการกระจายความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงการก่อหนี้เพื่อลงทุน
มี “ตัวอย่าง” เหตุการณ์เงินฝืดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยหรือไม่?
ประเทศไทยไม่เคยเผชิญกับภาวะเงินฝืดที่รุนแรงและยืดเยื้อเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลา เช่น หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 (ต้มยำกุ้ง) หรือช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างรุนแรง ประเทศไทยก็เคยมีช่วงที่อัตราเงินเฟ้อติดลบหรือเข้าใกล้ศูนย์ ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดเป็นระยะสั้นๆ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นเงินฝืดรุนแรงต่อเนื่อง
เงินฝืดต่างจาก “เงินเฟ้อ” อย่างไร และภาวะไหนอันตรายกว่ากันสำหรับเศรษฐกิจไทย?
เงินฝืดคือภาวะที่ราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง ส่วนเงินเฟ้อคือราคาสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยทั่วไปแล้ว เงินฝืดถือว่าอันตรายกว่าเงินเฟ้อสำหรับเศรษฐกิจ เนื่องจากเงินฝืดมักนำไปสู่วงจรที่ธุรกิจขาดทุน ลดการลงทุน ปลดคนงาน ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและแก้ไขได้ยากกว่าเงินเฟ้อเล็กน้อยที่สามารถควบคุมได้
“ภาครัฐ” ควรใช้ “นโยบายการคลัง” แบบใดเพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืด?
ภาครัฐควรใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัว (Expansionary Fiscal Policy) เช่น:
- การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ
- การลดอัตราภาษีเพื่อเพิ่มกำลังซื้อและลดต้นทุนให้ภาคธุรกิจ
- การให้เงินช่วยเหลือหรือมาตรการบรรเทาภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ
หากเงินฝืดเกิดขึ้น ผู้บริโภคชาวไทยควร “ออมเงิน” หรือ “ใช้จ่าย” ดี?
ผู้บริโภคควรมีความสมดุลระหว่างการออมและการใช้จ่าย ในช่วงเงินฝืด มูลค่าเงินออมที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นการออมเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม การชะลอการใช้จ่ายมากเกินไปจะยิ่งทำให้เงินฝืดรุนแรงขึ้น ผู้บริโภคควรใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดในสิ่งที่จำเป็นและคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเห็นว่าราคาสินค้าลดลงแล้ว
เงินฝืดส่งผลต่อ “ค่าเงินบาท” และการส่งออก-นำเข้าของไทยอย่างไร?
ในภาวะเงินฝืด ค่าเงินบาทอาจมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น เนื่องจากมูลค่าที่แท้จริงของเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าต่างประเทศดังนี้:
- การส่งออก: หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น สินค้าส่งออกของไทยจะแพงขึ้นในตลาดต่างประเทศ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง
- การนำเข้า: สินค้านำเข้าจะมีราคาถูกลงในสกุลเงินบาท ทำให้ผู้บริโภคและธุรกิจนำเข้าได้ประโยชน์
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น นโยบายการเงินของประเทศคู่ค้า และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วย
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。