
สูตรอัตราคิดลด: เข้าใจหลักการคำนวณและวิธีใช้เพื่อประเมินมูลค่าการลงทุน
อัตราคิดลด (Discount Rate) คืออะไร? ความสำคัญในการประเมินมูลค่า

อัตราคิดลด หรือที่รู้จักในชื่อ Discount Rate ถือเป็นแนวคิดหลักที่ช่วยให้เราประเมินมูลค่าทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อต้องพิจารณาสินทรัพย์หรือโครงการลงทุนในอนาคต นักลงทุนและผู้ประกอบการที่เข้าใจหลักการนี้ลึกซึ้ง มักตัดสินใจได้ชัดเจนและมั่นใจมากกว่าเดิม
นิยามและความหมายของอัตราคิดลด
อัตราคิดลดหมายถึงอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนตั้งเป้าว่าจะได้รับจากการลงทุนนั้นๆ มันยังสะท้อนถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสของเงินทุนที่เลือกใช้ในโครงการนี้ แทนที่จะไปลงทุนในตัวเลือกอื่นที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน
ลองนึกถึงการซื้อของลดราคาในชีวิตประจำวันดูสิ เราลดมูลค่าจากราคาเต็มเพื่อให้จ่ายได้สบายใจ ในโลกการเงิน อัตราคิดลดก็ทำงานคล้ายกัน โดยนำกระแสเงินสดในอนาคตมาลดให้เป็นมูลค่าในปัจจุบัน เพื่อเปรียบเทียบกับเงินลงทุนตอนนี้ได้ง่ายขึ้น
คำหลัก: อัตราคิดลด, Discount rate, มูลค่าปัจจุบัน, การประเมินมูลค่า
ทำไมอัตราคิดลดจึงสำคัญ?
อัตราคิดลดช่วยแปลงกระแสเงินสดที่คาดหวังในอนาคตให้กลายเป็นมูลค่าปัจจุบัน หรือ Present Value (PV) เงินบาทละบาทที่ได้ในอนาคต มักมีค่าน้อยกว่าเงินวันนี้ เพราะเงินเฟ้อและค่าเสียโอกาสที่ตามมา
นักลงทุนใช้ตัวเลขนี้คำนวณดูว่าโครงการคุ้มค่าหรือเปล่า โดยนำมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดมาเทียบกับเงินลงทุนเริ่มต้น ถ้ามูลค่าปัจจุบันสูงกว่า แสดงว่าโครงการนั้นน่าลงทุน
คำหลัก: กระแสเงินสด, มูลค่าอนาคต, มูลค่าปัจจุบัน, การตัดสินใจลงทุน
ตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราคิดลด
อัตราคิดลดไม่ใช่ตัวเลขตายตัว มันปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ลงทุนและระดับความเสี่ยง ปัจจัยหลักที่กำหนดค่าของมันมีดังนี้
- อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ (Required Rate of Return): นี่คืออัตราขั้นต่ำที่นักลงทุนอยากได้ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้น
- ความเสี่ยง (Risk): ถ้าโครงการเสี่ยงมาก นักลงทุนก็เรียกร้องผลตอบแทนสูงเพื่อชดเชย ส่งผลให้อัตราคิดลดเพิ่มขึ้น
- อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate): เงินเฟ้อสูงทำให้เงินอนาคตซื้อของได้น้อยลง นักลงทุนจึงต้องการผลตอบแทนมากกว่าเดิม เพื่อรักษาค่าของเงิน
- อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate): อัตราคิดลดมักเคลื่อนไหวตามดอกเบี้ยตลาด ถ้าดอกเบี้ยขึ้น นักลงทุนก็คาดหวังผลตอบแทนจากทางเลือกอื่นสูงขึ้นด้วย
คำหลัก: อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ (Required Rate of Return), ความเสี่ยง, อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย
สูตรคำนวณอัตราคิดลด: เจาะลึกแต่ละรูปแบบ

การหาค่าอัตราคิดลดมีหลายวิธี ขึ้นกับบริบทและเป้าหมายที่ต้องการ ในส่วนนี้ เราจะดูสูตรพื้นฐานและสูตรยอดนิยมสำหรับการประเมินมูลค่า
สูตรอัตราคิดลดพื้นฐาน
สูตรพื้นฐานนี้เหมาะสำหรับกรณีที่เรารู้มูลค่าปัจจุบัน (PV) และมูลค่าอนาคต (FV) แล้ว อยากหาอัตราการเติบโตหรือผลตอบแทนระหว่างช่วงเวลา
สูตรคือ:
$r = \frac{FV – PV}{PV}$
โดยที่:
- $r$ คือ อัตราคิดลด (หรืออัตราผลตอบแทน)
- $FV$ คือ มูลค่าอนาคต (Future Value)
- $PV$ คือ มูลค่าปัจจุบัน (Present Value)
คำหลัก: สูตรอัตราคิดลด, อัตราคิดลด ปัจจุบัน, มูลค่าปัจจุบัน (PV), มูลค่าอนาคต (FV)
Entity: อัตราคิดลด (Discount Rate)
สูตรอัตราคิดลดที่ใช้ในการประเมินมูลค่า
สำหรับธุรกิจหรือโครงการลงทุน สูตรที่ซับซ้อนกว่าจะนำกระแสเงินสดอนาคตมาคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value – NPV) หรืออัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return – IRR)
สูตรสำหรับคิดลดกระแสเงินสดแต่ละงวดคือ:
$PV = \frac{CF_1}{(1+r)^1} + \frac{CF_2}{(1+r)^2} + \dots + \frac{CF_n}{(1+r)^n}$
โดยที่:
- $PV$ คือ มูลค่าปัจจุบัน
- $CF_t$ คือ กระแสเงินสดสุทธิในงวดที่ $t$
- $r$ คือ อัตราคิดลด
- $n$ คือ จำนวนงวด
คำหลัก: สูตรคิดลดกระแสเงินสด, การประเมินมูลค่าธุรกิจ, NPV, IRR
Entity: กระแสเงินสด (Cash Flow), มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV), อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR)
การคำนวณอัตราคิดลดใน Excel
Microsoft Excel ช่วยให้การคำนวณอัตราคิดลดง่ายและรวดเร็ว ฟังก์ชันที่ใช้บ่อย ได้แก่
- NPV (Net Present Value): คำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิจากกระแสเงินสด โดยใส่อัตราคิดลดและชุดข้อมูล
- IRR (Internal Rate of Return): หาอัตราคิดลดที่ทำให้ NPV เป็นศูนย์ ซึ่งคือผลตอบแทนจริงของโครงการ
- RATE: หาอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราคิดลดต่องวด เมื่อรู้จำนวนงวด การชำระเท่ากัน และมูลค่าปัจจุบัน/อนาคต
คำหลัก: อัตรา คิดลด สูตร Excel, ฟังก์ชัน Excel, การคำนวณอัตราคิดลด Excel
Entity: Microsoft Excel
ตัวอย่างการคำนวณอัตราคิดลดและการประยุกต์ใช้
ตัวอย่างจริงจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าอัตราคิดลดนำไปใช้อย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ
ตัวอย่างที่ 1: การประเมินมูลค่าโครงการลงทุน
สมมติบริษัทกำลังดูโครงการใหม่ คาดได้กระแสเงินสดสุทธิ 100,000 บาทปีแรก 150,000 บาทปีที่สอง และ 200,000 บาทปีที่สาม ต้นทุนเริ่มต้น 300,000 บาท อัตราคิดลด 10% ต่อปี
การคำนวณ NPV:
- PV ปีที่ 1 = 100,000 / (1 + 0.10)^1 = 90,909.09
- PV ปีที่ 2 = 150,000 / (1 + 0.10)^2 = 123,966.94
- PV ปีที่ 3 = 200,000 / (1 + 0.10)^3 = 150,262.96
- รวม PV กระแสเงินสด = 90,909.09 + 123,966.94 + 150,262.96 = 365,138.99
- NPV = 365,138.99 – 300,000 = 65,138.99
NPV เป็นบวก โครงการนี้เลยน่าลงทุน
คำหลัก: อัตราคิดลด ตัวอย่าง, การประเมินโครงการ, การตัดสินใจลงทุน
Entity: โครงการลงทุน
ตัวอย่างที่ 2: การคำนวณมูลค่าพันธบัตร
นักลงทุนประเมินพันธบัตรที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและคืนเงินต้นตอนครบกำหนด โดยคิดลดกระแสเงินสดทั้งหมดด้วยอัตราคิดลดที่สะท้อนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ต้องการ
คำหลัก: มูลค่าพันธบัตร, อัตราคิดลดพันธบัตร
Entity: พันธบัตร
ตัวอย่างที่ 3: การประเมินมูลค่าหุ้น
วิธี Discounted Cash Flow (DCF) ยอดฮิตสำหรับหามูลค่าหุ้น คือคาดการณ์กระแสเงินสดอิสระในอนาคต แล้วคิดลดด้วยต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุน (Weighted Average Cost of Capital – WACC) เพื่อได้มูลค่าปัจจุบันของธุรกิจ
คำหลัก: การประเมินมูลค่าหุ้น, Discounted Cash Flow (DCF)
Entity: หุ้น
ปัจจัยเฉพาะของประเทศไทยที่ส่งผลต่ออัตราคิดลด

ในประเทศไทย การตั้งอัตราคิดลดต้องดูปัจจัยเศรษฐกิจและความเสี่ยงเฉพาะของตลาดทุนที่นี่
อัตราเงินเฟ้อในประเทศไทย
เงินเฟ้อกระทบอำนาจซื้อเงินอนาคตโดยตรง การคาดการณ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) จะทำให้ปรับอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการ ส่งผลให้อัตราคิดลดสูงขึ้นเพื่อรับมือการสูญเสียมูลค่า
คำหลัก: อัตราเงินเฟ้อ ประเทศไทย, อัตราคิดลด ใน ประเทศไทย
Entity: ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)
นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ควบคุมนโยบายการเงิน เช่นปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งกระทบต้นทุนเงินทั้งระบบ การเปลี่ยนแปลงนี้เลยส่งผลตรงๆ ต่ออัตราคิดลดในการประเมินสินทรัพย์
คำหลัก: นโยบายการเงิน, อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
Entity: ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)
ความเสี่ยงเฉพาะของตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดทุนไทยมีเสี่ยงเฉพาะ เช่นเรื่องการเมือง กฎระเบียบ หรือปัจจัยเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศ เสี่ยงเหล่านี้ถูกนำมาปรับอัตราคิดลดให้สูงขึ้น เพื่อให้ผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยง
คำหลัก: ความเสี่ยงตลาดทุนไทย, ความเสี่ยงเฉพาะประเทศ
Entity: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
อัตราคิดลดที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนในประเทศไทยควรอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
อัตราคิดลดที่เหมาะสมแตกต่างกันตามประเภทลงทุน ระดับความเสี่ยง และสภาวะตลาด โดยทั่วไป นักลงทุนคาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าสำหรับลงทุนเสี่ยง เช่นหุ้นหรือโครงการในตลาดเกิดใหม่
สูตรอัตราคิดลดแบบง่ายๆ ที่คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้คืออะไร?
สูตรพื้นฐานคือ $r = \frac{FV – PV}{PV}$ สำหรับกรณีรู้มูลค่าปัจจุบันและอนาคต หรือดูจากอัตราผลตอบแทนที่ต้องการจากทางเลือกอื่นใกล้เคียง
การใช้ฟังก์ชัน XIRR ใน Excel ต่างจากสูตรอัตราคิดลดทั่วไปอย่างไร?
XIRR คำนวณ IRR สำหรับกระแสเงินสดไม่สม่ำเสมอตามวันที่ แตกต่างจาก NPV ที่ต้องกำหนดอัตราคิดลดก่อน XIRR หาค่าที่ทำให้ NPV เป็นศูนย์
อัตราคิดลดส่งผลกระทบต่อมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตอย่างไร?
อัตราคิดลดสัมพันธ์ผกผันกับมูลค่าปัจจุบัน ถ้าสูงขึ้น มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดอนาคตจะต่ำลง และตรงกันข้าม
ความแตกต่างระหว่างอัตราคิดลด (Discount Rate) กับอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate) คืออะไร?
อัตราดอกเบี้ยคือต้นทุนกู้ยืมเงิน ส่วนอัตราคิดลดคือผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวัง ซึ่งอาจรวมความเสี่ยงและเงินเฟ้อ
ตัวอย่างการคำนวณอัตราคิดลดสำหรับธุรกิจ SME ในประเทศไทยมีหรือไม่?
สำหรับ SME ใช้ WACC ที่พิจารณาต้นทุนหนี้และทุนผู้ถือหุ้น โดยปรับอัตราคิดลดสูงขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่มากกว่าบริษัทใหญ่
อัตราคิดลดที่สูงขึ้นส่งผลดีหรือผลเสียต่อการประเมินมูลค่าโครงการ?
อัตราคิดลดสูงทำให้มูลค่าปัจจุบันกระแสเงินสดต่ำลง โครงการเลยมีมูลค่าน้อย ส่งผลเสียต่อการตัดสินใจลงทุนถ้าต่ำกว่าต้นทุน
มีวิธีคำนวณอัตราคิดลดโดยไม่ต้องใช้ Excel หรือไม่?
มี ใช้เครื่องคิดเลขการเงินหรือคำนวณมือสำหรับสูตรพื้นฐาน แต่สำหรับซับซ้อนอย่างประเมินธุรกิจ Excel ช่วยให้แม่นยำและเร็ว
ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดความผันผวนของอัตราคิดลดในตลาดประเทศไทย?
ความผันผวนมาจากการปรับดอกเบี้ยนโยบาย BOT เงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นนักลงทุน เสี่ยงการเมือง เศรษฐกิจมหภาค และตลาดโลก
อัตราคิดลด 2025 จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไรบ้าง?
การเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ขึ้นกับเศรษฐกิจมหภาค นโยบาย BOT และตลาดโลก อาจปรับสูงหรือต่ำตามสถานการณ์
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。