ราคาทองคำวันนี้: อัปเดต 24 ธันวาคม 2566 กับแนวโน้มในปี 2567

อัปเดตล่าสุด! ราคาทองวันนี้ [24 ธันวาคม 2566]

ทองคำแท่งเรียงรายพร้อมป้ายราคา แสดงความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำ

ตลาดทองคำวันนี้ยังคงอยู่ในจังหวะที่ต้องจับตา โดยเฉพาะในบริบทเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและส่งผลสะเทือนถึงราคาทองในประเทศอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนระยะสั้นหรือผู้ที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อออมทรัพย์ การติดตามราคาทองแบบเรียลไทม์จึงเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลล่าสุดจาก สมาคมค้าทองคำ ณ เวลา 09:25 น. ระบุราคาทองคำดังนี้:

ประเภททอง ราคารับซื้อ (บาท) ราคาขายออก (บาท)
ทองคำแท่ง 96.5% 33,600 33,700
ทองรูปพรรณ 96.5% 32,989.04 34,200

เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดของวันก่อน พบว่าราคาทองคำปรับตัวลดลง 50 บาท สะท้อนถึงแรงเทขายเล็กน้อยในช่วงเช้า ซึ่งอาจเกิดจากภาวะรอความชัดเจนด้านนโยบายการเงินจากสหรัฐฯ นักลงทุนจึงเลือกปรับพอร์ตชั่วคราว ทำให้ราคาแกว่งตัวในทิศทางลงเล็กน้อย

ราคาทองย้อนหลัง 7 วันล่าสุดและภาพรวมเดือนธันวาคม 2566

เครื่องประดับทองคำในร้านขายทอง แสดงความต้องการทองรูปพรรณ

เพื่อให้มองเห็นทิศทางตลาดอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ราคาในช่วง 7 วันที่ผ่านมาช่วยให้เข้าใจจังหวะการขยับตัวของทองคำได้ดีขึ้น โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนไหวในกรอบกว้างราว 150-200 บาท ขึ้นอยู่กับผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ และความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์

สำหรับเดือนธันวาคม 2566 โดยรวม ถือเป็นเดือนที่ตลาดทองคำมีจังหวะขึ้น-ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาพุ่งทำสถิติใหม่ในช่วงต้นเดือนจากแรงหนุนของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาเริ่มย่อตัวเพื่อปรับฐาน ขณะที่ FED ยังคงส่งสัญญาณไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการสะสมทองคำในช่วงกลางเดือน

เจาะลึก 5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาทองคำในปัจจุบัน

การขยับตัวของราคาทองคำไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยเชิงโครงสร้างที่มีผลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก นักลงทุนที่เข้าใจแรงผลักดันเหล่านี้ จะสามารถคาดการณ์แนวโน้มและตัดสินใจได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

FED คือหนึ่งในผู้เล่นหลักที่กำหนดทิศทางของทองคำ ทุกครั้งที่มีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทองคำมักจะเผชิญแรงกดดัน เพราะเมื่อดอกเบี้ยสูง นักลงทุนจะหันไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน เช่น พันธบัตร แทนการถือทองที่ไม่มี yield ตรงกันข้าม หาก FED ประกาศหยุดขึ้นดอกเบี้ย หรือส่งสัญญาณจะลดดอกเบี้ยในอนาคต ทองคำจะกลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญสำหรับราคาในปี 2567

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD Index)

เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกถูกกำหนดเป็นดอลลาร์สหรัฐ การอ่อนค่าหรือแข็งค่าของดอลลาร์จึงมีผลโดยตรงต่อราคาทองในทุกประเทศ รวมถึงไทย เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำจะถูกกว่าสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นและราคาปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกัน หากดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองจะดูแพงขึ้น และมักถูกเทขาย

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)

ทองคำถูกมองว่าเป็น “เกราะกันเงินเฟ้อมานานหลายทศวรรษ” เมื่อเงินเฟ้อพุ่งสูง ค่าเงินสดลดลง ผู้คนจึงหันมาซื้อทองคำเพื่อรักษาอำนาจซื้อของตนเอง ตัวอย่างเช่น ในช่วงปี 2565-2566 ที่หลายประเทศเผชิญกับเงินเฟ้อสูง ทองคำกลับมาเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ลงทุนและสถาบันการเงิน ทำให้ราคาได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง

อุปสงค์และอุปทานในตลาด (Supply & Demand)

ปัจจัยพื้นฐานอย่างอุปสงค์และอุปทานก็มีบทบาทสำคัญ ความต้องการทองคำมาจากหลายแหล่ง ไม่เพียงแต่นักลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ที่มีความต้องการสูงในช่วงเทศกาล รวมถึงการใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และที่สำคัญคือการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งในปีที่ผ่านมา หลายประเทศอย่างจีน อินเดีย และตุรกี เพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดย Moneta Markets รายงานว่า ความต้องการจากธนาคารกลางในปี 2566 สูงที่สุดในรอบ 55 ปี สะท้อนถึงบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์หลักในยุคความไม่แน่นอน

สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก

ในช่วงวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความขัดแย้ง หรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทองคำมักจะกลายเป็น “ที่พึ่งปลอดภัย” สำหรับนักลงทุน ตัวอย่างเช่น การรุกรานยูเครนของรัสเซีย หรือความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทันที ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทองคำไม่ใช่แค่สินค้า แต่ยังเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ในช่วงเวลาวิกฤต

คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำปี 2567-2568

กราฟวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำและการประเมินผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก

หลายสถาบันวิเคราะห์มองว่าปี 2567 อาจเป็นปีทองของทองคำ โดยเฉพาะหาก FED เริ่มกระบวนการลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง และทำให้ทองคำน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

ตามรายงานจาก J.P. Morgan Research คาดว่าราคาทองคำอาจพุ่งแตะระดับ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงกลางปี 2567 ซึ่งหากแปลงเป็นบาท โดยอิงอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย จะส่งผลให้ราคาทองคำแท่งในประเทศไทยมีแนวโน้มแตะ 36,000 บาทต่อบาท หรือสูงกว่านี้ได้ ทั้งนี้ มาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลายประเทศจะยังคงเพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ต้องการลดการพึ่งพิงดอลลาร์

ด้าน World Gold Council ชี้ว่า แม้ต้นปี 2567 อาจยังเผชิญแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แต่ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังตึงเครียด รวมถึงแนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์ จะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ผลักดันราคาให้ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยในระยะยาว

คู่มือสำหรับมือใหม่: เริ่มต้นลงทุนในทองคำอย่างไรดี?

หากคุณสนใจลงทุนในทองคำแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เรานำเสนอแนวทางเบื้องต้นที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

เปรียบเทียบ “ทองคำแท่ง” และ “ทองรูปพรรณ”

ทองคำแท่งเหมาะกับการลงทุนเพื่อเก็งกำไรหรือสะสมระยะยาว เพราะมีสเปรด (ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย) แคบ และไม่ถูกคิดค่ากำเหน็จเมื่อซื้อ ทำให้เมื่อขายคืนได้ราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดจริง ส่วนทองรูปพรรณนั้น แม้จะสวยงามและใช้สวมใส่ได้ แต่มีค่ากำเหน็จสูง ซึ่งจะถูกหักเต็มเมื่อนำไปขายคืน ทำให้ขาดทุนตั้งแต่เริ่มต้น หากมองในแง่ผลตอบแทน ทองคำแท่งจึงคุ้มค่ากว่าอย่างชัดเจน

วิธีการซื้อขายทองคำ

การซื้อขายทองกายภาพสามารถทำได้ที่ร้านทองที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าทองคำ โดยต้องแสดงบัตรประชาชนและชำระเงินผ่านช่องทางที่ร้านกำหนด ไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือโอนผ่านธนาคาร ควรตรวจสอบราคา ณ ขณะนั้นก่อนตัดสินใจทุกครั้ง เนื่องจากราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนหลายรอบต่อวัน

ทางเลือกการลงทุนทองคำรูปแบบอื่น

นอกจากการซื้อทองคำจริง ผู้ลงทุนยังสามารถเลือกช่องทางอื่นที่สะดวกและยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การลงทุนใน “กองทุนรวมทองคำ” ซึ่งมีหน่วยลงทุนที่ผูกกับราคาทองคำในตลาด หรือการ “ออมทองออนไลน์” ผ่านแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสะสมทองคำด้วยเงินเพียงหลักร้อยต่อเดือน ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา และยังสามารถซื้อขายได้ผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ราคาทองคำในปี 2567 มีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร?

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากทิศทางนโยบายการเงินของ FED ที่อาจผ่อนคลายลง ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่

การลงทุนระหว่างทองคำแท่งกับทองรูปพรรณ แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน?

หากมองในแง่ของการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน “ทองคำแท่ง” มีความคุ้มค่ามากกว่า เนื่องจากมีส่วนต่างราคาซื้อ-ขายที่ต่ำกว่าและไม่มีค่ากำเหน็จ ทำให้เมื่อขายคืนจะขาดทุนน้อยกว่าทองรูปพรรณที่น้ำหนักเท่ากัน

ราคาทอง 1 บาทวันนี้เท่าไหร่?

ราคาทองคำ 1 บาทจะแตกต่างกันไปตามประเภท โดยราคาขายออกของทองคำแท่ง 1 บาทจะอยู่ที่ประมาณ 33,700 บาท ส่วนทองรูปพรรณ 1 บาท จะมีราคาขายออกที่สูงกว่าเนื่องจากรวมค่ากำเหน็จแล้ว อยู่ที่ประมาณ 34,200 บาท (อ้างอิงราคา ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2566) ทั้งนี้ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดวัน

เราจะเช็คราคาทองคำที่น่าเชื่อถือได้จากที่ไหน?

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับการเช็คราคาทองคำในประเทศไทยคือประกาศจาก “สมาคมค้าทองคำ” (Gold Traders Association) ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงมาตรฐานที่ร้านทองทั่วประเทศใช้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของผู้ค้าทองรายใหญ่ที่น่าเชื่อถือ

ทำไมราคารับซื้อคืนถึงต่ำกว่าราคาขายออก?

ส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อและราคาขายออก (Bid-Ask Spread) คือกำไรของผู้ประกอบการร้านทอง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน, การบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา และค่าจัดการต่างๆ ซึ่งเป็นกลไกปกติในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ทุกประเภท

อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับราคาทองในไทยอย่างไร?

อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำในตลาดโลก เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศไทยที่คำนวณโดยอิงจากราคาทองคำโลก (USD) แปลงเป็นสกุลเงินบาท ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จึงมีผลกระทบต่อราคาทองในไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Author photo

發佈留言