
Scalping คืออะไร? กลยุทธ์ทำกำไรระยะสั้นที่นักเทรดไทยควรรู้ พร้อม 5 ข้อดี-ข้อเสีย
การเทรดแบบสแกลปปิ้งถือเป็นกลยุทธ์ยอดฮิตสำหรับการลงทุนระยะสั้น โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนทั่วโลก รวมถึงคนไทยที่สนใจตลาดการเงิน หลักการสำคัญคือการคว้ากำไรเล็กๆ จากการแกว่งตัวของราคาแค่ไม่กี่จุด แล้วทำซ้ำหลายรอบตลอดวัน วิธีนี้ต้องอาศัยการตัดสินใจฉับไว ความแม่นยำในการจับจังหวะ และการยึดมั่นในวินัยอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรับมือกับตลาดที่เคลื่อนไหวรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณดำดิ่งสู่ทุกมุมมองของการสแกลปปิ้ง ตั้งแต่รากฐาน แนวคิดพื้นฐาน ไปจนถึงกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง เครื่องมือที่ขาดไม่ได้ การควบคุมความเสี่ยง และเคล็ดลับด้านจิตวิทยาที่ช่วยให้เทรดเดอร์ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำพิเศษสำหรับนักลงทุนไทย เพื่อให้คุณนำไปปรับใช้ได้อย่างชาญฉลาดและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด

เข้าใจการสแกลปปิ้งให้ลึกซึ้ง: พื้นฐานของการทำกำไรแบบเร็วๆ
สแกลปปิ้งคืออะไร? ความหมายและหลักการสำคัญ
สแกลปปิ้งคือวิธีการเทรดที่เน้นเปิดและปิดออเดอร์ในช่วงเวลาสั้นๆ สุดๆ มักใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงไม่กี่นาที เพื่อเก็บกำไรจากความเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อย เช่น 5-10 pip ในตลาดฟอเร็กซ์ หรือการแกว่งตัวไม่กี่จุดในหุ้น หลักคิดคือการสะสมกำไรทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง โดยพึ่งพาความคล่องตัวของตลาดและการเคลื่อนไหวที่คาดเดาได้ยาก เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
สิ่งที่ทำให้สแกลปปิ้งแตกต่างจากเดย์เทรดคือระยะเวลาการถือออเดอร์ เดย์เทรดอาจยืดเยื้อได้หลายชั่วโมง แต่สแกลปปิ้งมุ่งมั่นกับการเข้า-ออกตลาดให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากข่าวสารหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งอาจพลิกผันสถานการณ์ได้ในพริบตา

เพราะอะไรสแกลปปิ้งถึงฮิตขนาดนี้? จุดเด่นที่ทำให้ติดใจ
มีเหตุผลหลายอย่างที่ดึงดูดให้นักเทรดหันมาสนใจสแกลปปิ้ง โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง:
- โอกาสทำเงินบ่อยๆ: ด้วยการเทรดที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ คุณมีช่องทางสร้างกำไรหลายครั้งต่อวัน โดยไม่ต้องรอโอกาสใหญ่
- หลีกเลี่ยงความเสี่ยงข้ามคืน: ทุกออเดอร์จะปิดภายในวันเดียว ทำให้ไม่ต้องกังวลกับเหตุการณ์กลางคืนหรือวันหยุดที่อาจทำให้ราคาพลิกผัน
- ใช้ประโยชน์จากความแกว่งตัว: แม้ตลาดจะไม่มีทิศทางชัดเจนหรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบ สแกลปปิ้งก็ยังหาจุดทำกำไรได้ โดยอาศัยความผันผวนเล็กๆ น้อยๆ
- เห็นผลทันใจ: ไม่ต้องนั่งรอผลลัพธ์นานๆ ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบความรวดเร็วและเห็นความคืบหน้าชัดเจน
จุดเด่นเหล่านี้ช่วยให้สแกลปปิ้งกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้เสริมจากการเทรดในเวลาว่าง
ด้านมืดและอุปสรรคที่ต้องเผชิญในสแกลปปิ้ง
ถึงแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่สแกลปปิ้งก็ไม่ใช่ทางลัดสู่ความร่ำรวย โดยมีอุปสรรคที่ต้องระวังให้ดี:
- ค่าธรรมเนียมเทรดพุ่งสูง: การซื้อขายบ่อยๆ ทำให้สเปรดและค่าคอมมิชชั่นสะสมจนกลายเป็นภาระใหญ่ ซึ่งอาจกินกำไรไปไม่น้อย
- แรงกดดันและความเครียดหนัก: ต้องตัดสินใจทันควันในเวลาจำกัด ท่ามกลางความเสี่ยงที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ส่งผลให้ต้องใช้สมาธิสูงและอาจเหนื่อยล้าได้ง่าย
- ต้องไวและจดจ่อตลอด: การจับตาตลาดและตอบสนองในเสี้ยววินาทีต้องอาศัยทักษะที่ฝึกฝนมาอย่างหนัก
- ปัญหาสลิปเพจ: ในช่วงตลาดวุ่นวาย คำสั่งอาจไม่เข้าในราคาที่ตั้งใจ ส่งผลให้กำไรหายหรือขาดทุนเพิ่ม
- วินัยต้องเข้มงวดสุดๆ: แค่พลาดนิดเดียวก็อาจนำไปสู่ความสูญเสียใหญ่โตได้
ดังนั้น ก่อนเริ่มจริง ควรชั่งน้ำหนักให้ดีว่าสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น
กลยุทธ์และเคล็ดลับสแกลปปิ้งที่ได้ผลจริง
เลือกคู่สกุลเงินและสินทรัพย์ที่ใช่สำหรับสแกลปปิ้ง
การคัดเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมคือก้าวแรกที่สำคัญมากสำหรับสแกลปปิ้ง คุณควรโฟกัสที่คู่เงินฟอเร็กซ์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD, GBP/USD หรือ USD/JPY รวมถึงสินค้าอื่นๆ อย่างทองคำหรือดัชนีหลักที่มีปริมาณเทรดเยอะและสเปรดต่ำ ความคล่องตัวเหล่านี้ช่วยให้ออเดอร์ของคุณเข้า-ออกได้ลื่นไหล ในราคาที่ใกล้เคียงกับที่คาดหวัง
สำหรับนักเทรดไทย คู่เงินที่เกี่ยวข้องกับบาทไทยอย่าง USD/THB อาจมีสเปรดกว้างและสภาพคล่องน้อยกว่า จึงไม่ค่อยเหมาะกับสไตล์นี้ ทางที่ดีคือยึดติดกับคู่หลักระดับโลกที่เคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ
อินดิเคเตอร์ยอดฮิตที่ช่วยตัดสินใจในสแกลปปิ้ง
สแกลปปิ้งมักเล่นในกรอบเวลาสั้นๆ อย่าง 1 นาที (M1) หรือ 5 นาที (M5) โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อยืนยันสัญญาณ อินดิเคเตอร์ที่นิยมกันมาก ได้แก่:
- RSI (Relative Strength Index): ช่วยตรวจจับภาวะซื้อมากเกินหรือขายมากเกิน เพื่อคาดการณ์จุดพลิกผันในระยะใกล้
- Moving Average (MA): ใช้ดูทิศทางโดยรวมและจุดตัดของเส้น เพื่อยืนยันเวลาที่ควรเข้าเทรด
- Bollinger Bands: แสดงระดับความผันผวนและแนวรับ-ต้านที่ปรับตัวตามราคา เมื่อราคาแตะขอบ อาจเป็นสัญญาณกลับตัว
- Stochastic Oscillator: คล้าย RSI ใช้หาจุดซื้อมากเกินหรือขายมากเกินในกรอบสั้น
การรวมอินดิเคเตอร์เหล่านี้เข้าด้วยกันจะทำให้สัญญาณชัดเจนขึ้น แต่จำไว้ว่าไม่มีเครื่องมือไหนสมบูรณ์แบบ ควรผสานกับการอ่านพฤติกรรมราคาเสมอ หากอยากรู้เพิ่มเติม Investopedia มีบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสแกลปปิ้งและอินดิเคเตอร์ที่เกี่ยวข้อง
การตีความพฤติกรรมราคาและปริมาณเทรดในสแกลปปิ้ง
นอกเหนือจากอินดิเคเตอร์ การสังเกตพฤติกรรมราคา (Price Action) และปริมาณการซื้อขาย (Volume) ก็เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้สแกลปปิ้งแม่นยำยิ่งขึ้น
- Price Action: ดูรูปแบบแท่งเทียนอย่าง Doji, Hammer หรือ Engulfing ในกรอบ M1-M5 เพื่อจับสัญญาณพลิกหรือต่อเนื่องของแนวโน้ม การหาแนวรับ-ต้านที่ชัดเจนยังช่วยยืนยันจุดเข้า-ออกได้ดี
- Volume: ถ้าปริมาณเทรดพุ่งสูงพร้อมราคาเคลื่อน มักบ่งบอกถึงแรงผลักที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าราคาแกว่งโดยไม่มี volume สนับสนุน อาจเป็นกับดักที่นำไปสู่การกลับตัว
การฝึกฝนการอ่านสองอย่างนี้จะช่วยให้คุณตอบสนองตลาดได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคึกคัก
พร้อมเป็นสแกลปเปอร์ตัวจริง: แพลตฟอร์ม เครื่องมือ และมุมมองจิตใจ
คัดเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่สำหรับสแกลปปิ้งในไทย
สำหรับคนไทยที่อยากลองสแกลปปิ้ง การหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสมคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ ลองพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้:
- สเปรดต่ำ: ช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมจากการเทรดบ่อยๆ ทำให้กำไรสะสมได้มากขึ้น
- การดำเนินการรวดเร็ว: ออเดอร์ต้องเข้าได้ทันใจ เพื่อป้องกันสลิปเพจที่อาจเกิดขึ้น
- ไร้รีโควต: ไม่ให้โบรกเกอร์เสนอราคาใหม่ที่ทำให้ช้าและเสียโอกาส
- รองรับ MT4/MT5: แพลตฟอร์มมาตรฐานที่มีฟีเจอร์อย่าง One-Click Trading สำหรับสแกลปปิ้ง
- เซิร์ฟเวอร์มั่นคงและ VPS: VPS ที่ใกล้เซิร์ฟเวอร์โบรกเกอร์ช่วยลดความหน่วง ทำให้ส่งคำสั่งได้ฉับไว
- บริการลูกค้าดี: ทีมที่เข้าใจนักเทรดไทยและตอบสนองได้รวดเร็ว
แม้การเทรดฟอเร็กซ์ในไทยยังไม่มีกฎระเบียบชัดเจน แต่การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานน่าเชื่อถืออย่าง CySEC, FCA หรือ ASIC จะช่วยปกป้องเงินทุนได้ดีขึ้น Babypips มีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกโบรกเกอร์ที่ควรรู้
ปรับแต่ง MT4/MT5 ให้เหมาะกับสแกลปปิ้ง
การเซ็ตอัพแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 ให้ลงตัวจะช่วยให้เทรดได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
- เปิด One-Click Trading: ฟีเจอร์หลักที่ช่วยให้คลิกเข้า-ออกออเดอร์ได้ในพริบตา
- เซ็ตกราฟ: เลือกกรอบ M1 หรือ M5 และทำให้หน้าจอเรียบง่าย เพื่อโฟกัสที่พฤติกรรมราคา
- เพิ่มอินดิเคเตอร์: ตั้งค่าพารามิเตอร์ให้ตรงกับสไตล์ของคุณ เพื่อใช้ได้ทันที
- บันทึกโปรไฟล์และเทมเพลต: ช่วยโหลดการตั้งค่าเดิมได้เร็ว ไม่ต้องเซ็ตใหม่ทุกครั้ง
- ตั้งแจ้งเตือน: ใช้สำหรับระดับราคาสำคัญ แม้สแกลปปิ้งจะเน้นเฝ้าหน้าจอมากกว่า
- ลอง EA: บางโปรแกรมช่วยจัดการออเดอร์อัตโนมัติ เช่น ตั้ง SL/TP หรือปิดบางส่วน
ด้วยการปรับแต่งเหล่านี้ คุณจะรู้สึกมั่นใจและควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตลาดวุ่นวาย
จิตวิทยาและวินัยที่สแกลปเปอร์ต้องมี
ด้านจิตใจและการควบคุมตัวเองคือตัวแยกแยะระหว่างสแกลปเปอร์ที่เก่งกับคนที่ล้มเหลว การเทรดเร็วและบ่อยทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาล:
- ควบคุมอารมณ์: อย่าให้ความโลภ กลัว โกรธ หรืออยากแก้ตัวครอบงำการตัดสินใจ
- เลี่ยงโอเวอร์เทรด: อย่าเทรดเกินแผนหรือไล่ตามขาดทุน เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
- ยึดแผนเทรด: กำหนดจุดเข้า-ออก SL และ TP ชัดเจน แล้วทำตามอย่างเคร่งครัด
- อดทนและจดจ่อ: รอสัญญาณดีๆ และรักษาสมาธิขณะเฝ้าตลาด
- เรียนรู้จากความผิดพลาด: ทุกการเทรดที่พลาดคือโอกาสพัฒนา ควรทบทวนเพื่อปรับปรุง
ในบริบทไทย ความฝันรวยเร็วอาจเป็นกับดักใหญ่ ดังนั้นการฝึกสมาธิและยอมรับว่าขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกม จะช่วยให้คุณยั่งยืนกว่า
การบริหารความเสี่ยงและคำเตือนสำหรับสแกลปปิ้ง
หลักการจัดการเงินทุนในสแกลปปิ้ง
การดูแลเงินทุนคือกุญแจสู่การอยู่รอดระยะยาวสำหรับสแกลปเปอร์:
- จำกัดความเสี่ยงต่อเทรด: อย่าเสี่ยงเกิน 1-2% ของทุนทั้งหมดในครั้งเดียว
- ตั้ง SL ทุกครั้ง: กฎตายตัวที่ช่วยตัดขาดทุนก่อนจะสายเกินไป
- TP ที่สมเหตุสมผล: กำหนดเป้ากำไรที่ชัดเจน เช่น อัตราส่วน 1:1 หรือ 1:1.5 ต่อความเสี่ยง
- ใช้เลเวอเรจอย่างระวัง: แม้จะขยายกำไรได้ แต่ก็เพิ่มโอกาสล้างพอร์ตเช่นกัน
- ขนาดออเดอร์พอดี: คำนวณให้ตรงกับทุนและระดับเสี่ยงที่ยอมรับได้
ด้วยหลักการเหล่านี้ คุณจะสามารถเทรดต่อไปได้แม้เจอช่วงขาดทุนติดๆ กัน
ข้อผิดพลาดทั่วไปของมือใหม่ไทยและวิธีเลี่ยง
นักเทรดสแกลปปิ้งมือใหม่ในไทยมักเจอปัญหาเหล่านี้:
- ลืม SL: ผิดพลาดร้ายแรงที่อาจทำให้ขาดทุนเล็กกลายเป็นใหญ่
- โอเวอร์เทรด: เทรดทุกอย่างหรือไล่ตามขาดทุน ส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาด
- เทรดตามอารมณ์: ให้กลัวหรือโลภนำทาง จนเปลี่ยนแผนกลางคัน
- มองข้ามสเปรดและค่าธรรมเนียม: ไม่คำนวณให้ละเอียด ทำให้กำไรหายวับ
- กรอบเวลาผิด: พยายามสแกลปใน timeframe ยาวเกิน จับการเคลื่อนเล็กไม่ได้
- ไม่ฝึกพอ: กระโดดสู่ตลาดจริงโดยไม่ลองในเดโม
เพื่อหลีกเลี่ยง ควรฝึกบ่อยๆ ยึดแผน และสร้างวินัยให้แข็งแกร่ง โดยเริ่มจากบัญชีทดลองเพื่อสร้างความมั่นใจ
สแกลปปิ้งเหมาะกับคุณไหม?
เช็คตัวเอง: ลักษณะของสแกลปเปอร์ที่สำเร็จ
สแกลปปิ้งไม่ใช่สำหรับทุกคน คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับคนที่อยากเก่งในสไตล์นี้ ได้แก่:
- ตัดสินใจไว: วิเคราะห์และเลือกทางได้ในเสี้ยววินาที
- สมาธิดี: จดจ่อกับกราฟได้นานโดยไม่วอกแวก
- วินัยเหล็ก: ยึดแผนและกฎเสี่ยงอย่างไม่คลาย
- รับมือเครียดเก่ง: ทำงานท่ามกลางแรงกดดันโดยไม่สะดุด
- อดทน: รอจังหวะดีๆ แม้เทรดจะเร็ว
- ชอบท้าทาย: สนุกกับการแข่งขันและยอมรับความเสี่ยง
ถ้าคุณเป็นคนคิดเร็ว สมาธิแน่น และควบคุมอารมณ์ได้ สแกลปปิ้งอาจใช่ทางของคุณ แต่ถ้าใจร้อน ไม่ชอบกดดัน หรือไม่มีเวลาเฝ้า ลองพิจารณาวิธีอื่นที่ผ่อนคลายกว่า
สรุป: ก้าวสู่การเป็นสแกลปเปอร์ชั้นนำ
สแกลปปิ้งคือกลยุทธ์ที่ทรงพลังสำหรับกำไรระยะสั้น แต่ต้องเผชิญความเสี่ยงและอุปสรรคไม่น้อย หากอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องเข้าใจกลยุทธ์ เครื่องมือ การจัดการทุน และโดยเฉพาะจิตวิทยากับวินัย
เริ่มจากศึกษาลึกๆ ฝึกในเดโมจนชำนาญ แล้วค่อยขยับสู่บัญชีจริงทีละน้อย จำไว้ว่าสแกลปปิ้งคือการใช้ทักษะและความรู้เพื่อเอาชนะตลาด ไม่ใช่การพนัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Scalping (FAQ)
Scalping คืออะไร และแตกต่างจากการเทรด Day Trade อย่างไร?
สแกลปปิ้งคือกลยุทธ์เทรดระยะสั้นที่เน้นกำไรเล็กๆ จากการแกว่งตัวราคาไม่กี่จุด แต่ทำบ่อยๆ ตลอดวัน โดยเปิด-ปิดออเดอร์ในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีถึงนาที
ส่วนเดย์เทรดคือการเทรดที่ปิดภายในวันเดียว แต่ถือออเดอร์นานกว่า อาจเป็นนาทีถึงชั่วโมง และมุ่งกำไรต่อครั้งที่ใหญ่กว่า
การเทรด Scalping เหมาะสำหรับนักเทรดประเภทไหน? ฉันเหมาะกับ Scalping หรือไม่?
สแกลปปิ้งเหมาะกับคนที่ตัดสินใจเร็ว สมาธิสูง วินัยเข้ม และรับมือเครียดได้ดี โดยเฉพาะผู้ที่เฝ้าตลาดได้ตลอด
ถ้าคุณใจเย็น ไม่ชอบกดดัน หรือไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ อาจไม่เหมาะ ควรลองกลยุทธ์กลาง-ยาวแทน
เทคนิค Scalping ที่นิยมใช้และตัวชี้วัดใดบ้างที่ช่วยในการตัดสินใจ?
เทคนิคยอดนิยมคือการอ่าน Price Action อย่างรูปแบบแท่งเทียน ดู Volume และใช้อินดิเคเตอร์ใน timeframe สั้น (M1, M5) เช่น
- RSI (Relative Strength Index)
- Moving Average (MA)
- Bollinger Bands
- Stochastic Oscillator
การผสมผสานกับ Price Action จะทำให้สัญญาณเข้า-ออกแม่นยำขึ้น
ควรเลือกโบรกเกอร์ (Broker) แบบไหนสำหรับการเทรด Scalping ในประเทศไทย?
สำหรับสแกลปปิ้งในไทย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มี:
- สเปรดต่ำ: ลดต้นทุนจากการเทรดบ่อย
- ดำเนินการเร็ว: ลดสลิปเพจ
- ไร้รีโควต: ออเดอร์เข้าได้ทันที
- เซิร์ฟเวอร์มั่นคง: พิจารณา VPS
- MT4/MT5: รองรับ One-Click Trading
- กำกับดูแลดี: เลือกต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ แม้ไทยยังไม่ชัด
มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ต้องระวังในการทำ Scalping และจะบริหารความเสี่ยงได้อย่างไร?
ความเสี่ยงหลักคือต้นทุนสูง (สเปรด/คอมมิชชั่น) สลิปเพจ โอเวอร์เทรด และเครียด
บริหารโดย:
- จำกัดเสี่ยงต่อเทรด: ไม่เกิน 1-2% ของทุน
- ตั้ง SL เสมอ: ตัดขาดทุนแต่ละครั้ง
- TP ชัดเจน: มีเป้าหมายสมเหตุสมผล
- เลือกสินทรัพย์คล่อง: ลดสลิปเพจ
- วินัยเข้ม: ยึดแผน
การเทรด Scalping บนแพลตฟอร์ม MT4/MT5 ควรตั้งค่าอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด?
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดใน MT4/MT5:
- เปิด One-Click Trading
- ใช้ timeframe M1 หรือ M5
- ปรับกราฟให้เรียบ มอง Price Action ชัด
- เซ็ตอินดิเคเตอร์ที่ใช้บ่อย
- ใช้ VPS ลดหน่วง
- เรียนรู้ Hotkeys หรือ EA จัดการออเดอร์
ทำไมจิตวิทยาการเทรดและวินัยจึงสำคัญต่อ Scalper เป็นพิเศษ?
จิตวิทยาและวินัยสำคัญเพราะ:
- เทรดบ่อย ทำให้โลภหรือกลัวเกิดง่าย
- ตัดสินใจเร็วท่ามกลางกดดัน
- พลาดนิดเดียวอาจขาดทุนหนัก เช่น ไม่ SL หรือโอเวอร์เทรด
ควบคุมอารมณ์และยึดแผนคือกุญแจสู่ชัยชนะ
มีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่ Scalper มือใหม่ในไทยมักจะทำ และควรหลีกเลี่ยงอย่างไร?
มือใหม่ไทยมักพลาด:
- ไม่ตั้ง SL: เสี่ยงขาดทุนใหญ่
- โอเวอร์เทรด: เทรดเกินแผน
- ตามอารมณ์: โลภหรือแก้แค้น
- ไม่รู้ต้นทุน: มองข้ามสเปรด/คอม
- ไม่ฝึก: รีบเข้าจริงโดยไม่เดโม
เลี่ยงโดยฝึกเดโมสม่ำเสมอ มีแผนชัด และวินัยแข็ง
สามารถทำกำไรจากการ Scalping ได้จริงหรือไม่ และต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นเท่าไหร่?
ได้จริง ถ้ามีความรู้ ทักษะ วินัย และจัดการเสี่ยงดี แต่ทุกเทรดมีความเสี่ยง ไม่รับประกันกำไร
ทุนเริ่มต้นไม่มีตัวเลขตายตัว ขึ้นกับโบรกเกอร์และ lot size แต่ควรพอทนขาดทุนหลายครั้งและรักษา margin ปลอดภัย หลายคนเริ่มจากหลักร้อย-พันดอลลาร์ในบัญชี cent/micro แล้วค่อยเพิ่มเมื่อชำนาญ
Scalping มีผลกระทบต่อภาษีในประเทศไทยอย่างไรบ้าง?
เทรดฟอเร็กซ์ในไทยยังเป็นพื้นที่สีเทาเรื่องกฎหมายและภาษี เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะ
โดยทั่วไป กรมสรรพากรไทย ถือรายได้ในไทยหรือนำเข้าจากต่างประเทศเป็นเงินได้ต้องเสียภาษี รวมกำไรลงทุน
ถ้ากำไรสแกลปปิ้งนำเข้าไทย อาจเข้าข่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ซ) หรือ 40(8) ของประมวลรัษฎากร ต้องรวมคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา แต่กฎอาจเปลี่ยน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีเพื่อข้อมูลล่าสุด
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。