
ภาษีหุ้น: 7 ข้อควรรู้สำหรับนักลงทุนไทย รายได้จากการเทรดหุ้นเสียภาษีอย่างไรให้ถูกต้อง
รายได้จากการเทรดหุ้น เสียภาษีอย่างไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักลงทุนไทย
สำหรับนักลงทุนที่สนใจตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว การรู้จักระบบภาษีจากผลตอบแทนที่ได้จากการซื้อขายหุ้นถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย เพราะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดการเรื่องภาษีให้ตรงตามกฎหมาย โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาจากกรมสรรพากร ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงประเภทรายได้ที่ต้องเสียภาษี วิธีคำนวณ อัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเคล็ดลับในการปฏิบัติและวางแผนภาษี เพื่อให้นักลงทุนไทยทุกคนสามารถดูแลเรื่องนี้ได้อย่างชาญฉลาดและมั่นใจมากขึ้น

ภาษีหุ้นคืออะไร? รู้จักประเภทรายได้จากการเทรดหุ้นที่ต้องเสียภาษี
รายได้ที่เกิดจากการลงทุนในหุ้นซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาเรื่องภาษี สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักที่มีกฎเกณฑ์การเก็บภาษีต่างกันชัดเจน เพื่อให้คุณเข้าใจและเตรียมตัวได้ถูกต้อง

1. กำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains from Stock Sales)
กำไรจากการขายหุ้นหมายถึงส่วนต่างระหว่างราคาขายที่สูงกว่าราคาที่ซื้อเข้ามา ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่หลายคนให้ความสำคัญเพราะมีกฎภาษีเฉพาะตัว โดยเฉพาะเมื่อเทียบระหว่างหุ้นไทยกับหุ้นต่างชาติ
• **หุ้นไทย:** ปกติแล้ว กำไรจากการขายหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยดึงดูดใจนักลงทุน แต่บางกรณีต้องระวัง เช่น การซื้อขายหุ้นต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ไทยบางแห่ง
• **หุ้นต่างประเทศ:** ถ้าคุณลงทุนในหุ้นต่างชาติแล้วได้กำไร รายได้นี้จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทย หากนำเงินนั้นกลับเข้าประเทศในปีภาษีเดียวกันที่เกิดรายได้
2. เงินปันผล (Dividends)
เงินปันผลคือการแบ่งกำไรที่บริษัทคืนให้ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนที่ถือ ซึ่งเป็นอีกแหล่งรายได้สำคัญจากการลงทุนหุ้น และมีกระบวนการเสียภาษีที่แตกต่างจากกำไรขายหุ้น
• **หุ้นไทย:** เงินปันผลจากหุ้นไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยบริษัทที่ออกหุ้นหรือนายหน้าซื้อขาย ผู้รับสามารถเลือกว่าจะนำส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีสิ้นปีหรือไม่ ถ้านำไปรวม ก็ใช้เครดิตภาษีเงินปันผลเพื่อหักจากภาษีที่ต้องจ่าย ซึ่งอาจได้ประโยชน์ถ้าอัตราภาษีส่วนตัวของคุณต่ำกว่า 10%
• **หุ้นต่างประเทศ:** เงินปันผลจากหุ้นต่างชาติมักถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากประเทศนั้นก่อน ถ้านำเงินเหลือกลับไทยในปีภาษีเดียวกัน ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้ง ซึ่งอาจเจอปัญหาภาษีซ้อน แต่สามารถแก้ไขได้ผ่านอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศ
เทรดหุ้นในประเทศ (SET) เสียภาษีอย่างไร?
การลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีระบบภาษีที่นักลงทุนไทยควรศึกษาละเอียด เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีที่ช่วยส่งเสริมการลงทุนในตลาดทุนท้องถิ่น

กำไรจากการขายหุ้นใน SET: โดยทั่วไป “ได้รับการยกเว้นภาษี”
สำหรับบุคคลธรรมดา กำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยมากจะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากรที่มุ่งส่งเสริมการลงทุนในตลาดทุน ทำให้การซื้อขายหุ้นที่นี่เป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนไทย
แต่สิทธิ์ยกเว้นนี้มีเงื่อนไขชัดเจน เช่น ต้องเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา ถ้าเป็นนิติบุคคลหรือซื้อขายนอกตลาด (เช่น หุ้น OTC) อาจมีกฎภาษีอื่นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
เงินปันผลจากหุ้นใน SET: ถูกหัก ณ ที่จ่าย 10%
เมื่อคุณได้รับเงินปันผลจากหุ้นใน SET ส่วนนี้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ทันทีโดยบริษัทที่ออกหุ้นหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่คุณใช้บริการ
หลังหักภาษีแล้ว คุณมีตัวเลือกสองทางสำหรับจัดการเงินปันผล:
1. **ไม่รวมคำนวณภาษี:** ให้ภาษี 10% ที่หักไปเป็นภาษีขั้นสุดท้าย ไม่ต้องนำไปรวมกับรายได้อื่นในการยื่นภาษีปีสิ้นปี ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกหรือมีอัตราภาษีสูงกว่า 10%
2. **รวมคำนวณภาษี:** นำเงินปันผลไปรวมกับรายได้อื่นในการยื่นภาษีปีสิ้นปี แล้วใช้เครดิตภาษีเงินปันผลจาก 10% ที่หักไปหักออกจากยอดภาษีทั้งหมด ถ้าอัตราภาษีส่วนตัวต่ำกว่า 10% คุณอาจได้เงินภาษีคืนหรือไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ตารางเปรียบเทียบการจัดการภาษีเงินปันผล:
| ทางเลือก | ผลทางภาษี | เหมาะสำหรับ |
| :——————- | :————————————————————————————— | :————————————————— |
| ไม่นำไปรวมคำนวณ | ถูกหัก 10% เป็นภาษีสุดท้าย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม | ผู้ที่มีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่า 10% หรือต้องการความสะดวก |
| นำไปรวมคำนวณ + เครดิต | คำนวณภาษีรวมกับรายได้อื่น และใช้เครดิต 10% ที่ถูกหักไปแล้ว หากมีภาษีเกิน 10% ต้องจ่ายเพิ่ม หากต่ำกว่า 10% ได้คืน | ผู้ที่มีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่ำกว่า 10% |
เทรดหุ้นต่างประเทศ เสียภาษีอย่างไร? กฎเกณฑ์ที่นักลงทุนไทยต้องรู้
การลงทุนหุ้นต่างประเทศกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย แต่ระบบภาษีที่นี่ซับซ้อนกว่าหุ้นในประเทศมาก นักลงทุนจึงควรทำความเข้าใจกฎหลักเพื่อไม่ให้พลาดและต้องรับผิดชอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องการนำเงินกลับประเทศที่เป็นจุดสำคัญในการกำหนดว่าต้องเสียภาษีหรือไม่
หลักเกณฑ์ “นำเงินได้เข้าประเทศ” ภายในปีภาษีเดียวกัน
หลักสำคัญสำหรับภาษีรายได้จากหุ้นต่างประเทศในหมู่นักลงทุนบุคคลธรรมดาคือ “การนำเงินได้เข้าประเทศ” ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 41 วรรคสอง ซึ่งระบุว่า ถ้ามีรายได้จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะจากงานหรือทรัพย์สินที่นั่น จะต้องเสียภาษีในไทยเมื่อนำเงินนั้นเข้ามาในปีภาษีนั้น
**คำอธิบายเพิ่มเติม:** ถ้ารายได้ (เช่น กำไรขายหุ้นหรือเงินปันผล) จากต่างประเทศถูกนำกลับไทยในปีภาษีเดียวกับที่เกิดขึ้น คุณต้องนำส่วนนั้นมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในไทย
• **ปีภาษีเดียวกัน:** ครอบคลุมตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม การติดตามวันที่เกิดรายได้และวันที่นำเข้าจึงสำคัญมาก เพื่อวางแผนให้เหมาะสม
• **ตัวอย่าง:** สมมติคุณขายหุ้นต่างประเทศได้กำไรในเดือนมิถุนายน 2567 แล้วโอนเงินกลับไทยในเดือนพฤศจิกายน 2567 คุณต้องรวมกำไรนั้นในภาษีปี 2567 แต่ถ้าโอนในเดือนมกราคม 2568 (ปีถัดไป) อาจไม่ต้องรวมในปี 2567 ซึ่งช่วยเลื่อนภาระภาษีได้
กำไรจากการขายหุ้นต่างประเทศ (Capital Gains from Foreign Stock Sales)
ถ้าคุณขายหุ้นต่างประเทศแล้วได้กำไร และนำเงินนั้นกลับไทยในปีภาษีเดียวกัน ต้องนำกำไรมาคำนวณเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 (จากลงทุน) หรือประเภทที่ 8 (อื่นๆ) เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า โดยไม่มีสิทธิยกเว้นเหมือนหุ้นไทย
**ตัวอย่างการคำนวณ:** นายเอซื้อหุ้นอเมริกันในราคา 100,000 บาท ขายได้ 150,000 บาท กำไร 50,000 บาท แล้วโอนกำไรนี้เข้าบัญชีไทยในเดือนตุลาคม 2567 (ปีเดียวกับขาย) นายเอต้องนำ 50,000 บาทนี้รวมในภาษีปี 2567 ซึ่งอาจเพิ่มยอดภาษีตามอัตราก้าวหน้าของรายได้รวมทั้งปี
เงินปันผลจากหุ้นต่างประเทศ (Dividends from Foreign Stocks)
เงินปันผลจากหุ้นต่างประเทศมักถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากประเทศนั้น เช่น สหรัฐฯ หัก 15% สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ใช้สนธิสัญญาภาษี ถ้านำเงินสุทธิกลับไทยในปีภาษีเดียวกัน ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในไทยอีกชั้น
แต่เพื่อป้องกันภาษีซ้อน (Double Taxation) ไทยมีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับหลายประเทศ ซึ่งช่วยให้คุณนำภาษีที่หักในต่างประเทศมาเครดิตหักในไทยได้ตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาและกฎหมายไทย ทำให้ลดภาระภาษีโดยรวมได้จริง โดยเฉพาะนักลงทุนที่กระจายพอร์ตไปหลายประเทศ
การเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ต่างประเทศ vs. โบรกเกอร์ไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ
การเลือกโบรกเกอร์ส่งผลต่อการจัดการภาษีโดยตรง เพราะช่วยอำนวยความสะดวกในเอกสารและการติดตาม
• **โบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง:** เช่น Interactive Brokers หรือ Saxo Bank คุณต้องดูแลทุกอย่างเอง ตั้งแต่ติดตามรายได้ คำนวณภาษี และโอนเงินกลับ ซึ่งทำให้เรื่องปีภาษีเดียวกันกลายเป็นจุดที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีไม่จำเป็น
• **โบรกเกอร์ไทยที่ลงทุนต่างประเทศ:** เช่น Bualuang Global Investing จากหลักทรัพย์บัวหลวง หรือแพลตฟอร์มอย่าง Dime, Finnomena ที่เป็นตัวกลางเข้าถึงสินทรัพย์ต่างชาติ โบรกเกอร์เหล่านี้มักให้เอกสารและข้อมูลที่ช่วยยื่นภาษีได้ง่ายขึ้น แต่คุณยังต้องเข้าใจหลักนำเงินเข้าประเทศเอง เพื่อให้การลงทุนต่างประเทศราบรื่น
การคำนวณและยื่นภาษีสำหรับรายได้จากหุ้น
การคำนวณและยื่นภาษีจากรายได้หุ้นให้ถูกต้องช่วยป้องกันปัญหากฎหมาย และทำให้การลงทุนของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดยเริ่มจากเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อความรวดเร็ว
เอกสารที่ต้องเตรียม
การรวบรวมเอกสารให้ครบและเป็นระบบช่วยให้ยื่นภาษีง่ายดาย:
• **รายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ (Trading Report):** จากบริษัทหลักทรัพย์ แสดงรายละเอียดซื้อ-ขาย วันที่ ราคา และกำไร/ขาดทุน
• **หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ):** สำหรับเงินปันผลหุ้นไทย
• **ใบแจ้งยอดเงินปันผล (Dividend Statement):** จากบริษัทออกหุ้นหรือโบรกเกอร์ ทั้งไทยและต่างประเทศ
• **หลักฐานการโอนเงิน (Bank Statement):** ถ้าโอนกำไรหรือเงินปันผลจากต่างประเทศกลับไทย
• **เอกสารรับรองการเสียภาษีจากต่างประเทศ (Tax Voucher/Statement):** สำหรับภาษีที่หักในต่างประเทศ เพื่อขอเครดิตภาษีซ้อน โดยเฉพาะกรณีลงทุนหลายประเทศที่อาจมีเอกสารหลายชุด
ขั้นตอนการยื่นภาษี
คุณสามารถยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออนไลน์ได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกที่สุด:
1. **เข้าสู่เว็บไซต์ e-Filing ของกรมสรรพากร:** www.rd.go.th
2. **เลือกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91:**
• **ภ.ง.ด.90:** สำหรับคนมีรายได้หลายประเภท รวมถึงจากหุ้นต่างประเทศ
• **ภ.ง.ด.91:** สำหรับคนมีเฉพาะเงินเดือน (ไม่รวมรายได้หุ้นต่างประเทศที่ต้องคำนวณ)
3. **กรอกข้อมูลรายได้:**
• **เงินปันผลหุ้นไทย:** ถ้านำรวมคำนวณ กรอกในช่อง “เงินได้พึงประเมินมาตรา 40 (4)(ข) เงินปันผล” และใช้เครดิตจากใบ 50 ทวิ
• **กำไร/เงินปันผลหุ้นต่างประเทศ:** ถ้านำเข้าประเทศปีเดียวกัน กรอกในช่อง “เงินได้พึงประเมินมาตรา 40 (4) หรือ (8) จากต่างประเทศ” ตามประเภท
4. **หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน:** ใส่ข้อมูลค่าใช้จ่ายและสิทธิลดหย่อนที่คุณมีสิทธิ์ เช่น ค่าลดหย่อนบุตรหรือกองทุนเกษียณ
5. **ตรวจสอบข้อมูล:** เช็คความถูกต้องทั้งหมดก่อนส่ง
6. **ชำระภาษี (ถ้ามี):** ถ้ามียอดคงเหลือ ชำระผ่านช่องทางที่กรมสรรพากรกำหนด เช่น อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง
กำหนดเวลายื่นภาษีที่สำคัญ
• **ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91:** ปกติภายใน 31 มีนาคม ปีถัดไป (เช่น รายได้ 2567 ยื่นถึง 31 มีนาคม 2568)
• **ยื่นออนไลน์:** ผ่าน e-Filing มักขยายถึง 8 เมษายน ปีถัดไป เพื่อให้นักลงทุนมีเวลามากขึ้นในการเตรียมเอกสาร
วางแผนภาษีเพื่อนักลงทุนหุ้น: เคล็ดลับและข้อควรระวัง
การวางแผนภาษีอย่างมีกลยุทธ์ไม่เพียงช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังประหยัดภาษีได้ถูกต้อง โดยไม่เสี่ยงผิดกฎ เพื่อให้การลงทุนหุ้นของคุณยั่งยืนยาวนาน
เทคนิคการวางแผนภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
• **บันทึกรายการซื้อขายอย่างละเอียด:** เก็บข้อมูลวันเวลา ราคาซื้อขาย และกำไร/ขาดทุนให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีหรือตอบคำถามจากกรมสรรพากร โดยใช้แอปหรือสเปรดชีตช่วยจัดการ
• **ทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ “นำเงินได้เข้าประเทศ”:** สำหรับหุ้นต่างประเทศ ลองวางแผนโอนเงินให้ข้ามปีภาษี เพื่อเลื่อนหรือหลีกเลี่ยงภาษีในปีนั้น ซึ่งเป็นเทคนิคที่ถูกกฎหมายและช่วยบริหารกระแสเงินสด
• **พิจารณาใช้เครดิตภาษีเงินปันผล (หุ้นไทย):** ถ้าอัตราภาษีส่วนตัวของคุณต่ำ เช่น 5-10% การนำเงินปันผลรวมคำนวณจะช่วยให้ได้ภาษีคืนจาก 10% ที่หักไป ซึ่งเพิ่มผลตอบแทนสุทธิ
• **ใช้ประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี:** ลองลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่เน้นหุ้น ซึ่งลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ต้องถือตามเงื่อนไขเพื่อให้ได้สิทธิ์เต็มที่
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการยื่นภาษีหุ้น
• **เข้าใจผิดว่า “กำไรน้อยไม่ต้องเสียภาษี”:** ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับกำไรเล็กน้อยจากหุ้นต่างประเทศ ถ้านำเงินเข้าประเทศปีเดียวกัน ต้องคำนวณทั้งหมดตามอัตราก้าวหน้า
• **ลืมหรือไม่ทราบเรื่องการยื่นภาษีหุ้นต่างประเทศ:** นี่คือปัญหาที่เกิดบ่อยสุด อาจนำไปสู่ค่าปรับหรือดอกเบี้ยล่าช้า ถ้าไม่ปฏิบัติตามหลักนำเงินเข้าประเทศ
• **ไม่เก็บเอกสารหลักฐาน:** ขาดเอกสารซื้อขายหรือหักภาษี ทำให้ยื่นภาษียาก และอาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้
• **สับสนระหว่างเงินปันผลกับ Capital Gains:** สองประเภทนี้มีกฎภาษีต่างกัน การสับสนอาจทำให้คำนวณผิดและต้องแก้ไขทีหลัง ซึ่งเสียเวลาและอาจมีค่าปรับ
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
ถ้าการลงทุนของคุณซับซ้อน เช่น มีรายได้ต่างประเทศมาก หรือไม่แน่ใจในกฎเกณฑ์ การหาที่ปรึกษาภาษีหรือผู้ตรวจสอบบัญชีผู้เชี่ยวชาญจะช่วยได้มาก พวกเขาสามารถตรวจสอบการคำนวณและวางแผนภาษีให้เหมาะกับสถานการณ์ส่วนตัวของคุณ ทำให้มั่นใจในความถูกต้องและประหยัดภาษีสูงสุด โดยเฉพาะนักลงทุนที่กระจายสินทรัพย์ไปหลายตลาด
สรุปและคำแนะนำสำหรับนักลงทุน
การเข้าใจภาษีจากรายได้การเทรดหุ้นเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุน โดยเฉพาะในไทยที่กฎระหว่างหุ้นในประเทศและต่างประเทศแตกต่างกันชัดเจน
• **หุ้นในประเทศ:** กำไรขายหุ้นส่วนใหญ่ยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา แต่เงินปันผลหัก 10% ณ ที่จ่าย และเลือกใช้เครดิตได้
• **หุ้นต่างประเทศ:** ทั้งกำไรขายและเงินปันผลต้องคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถ้านำเงินเข้าประเทศปีเดียวกัน และอาจใช้สนธิสัญญาภาษีซ้อนช่วยลดภาระ
นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด บันทึกธุรกรรมสม่ำเสมอ และถ้ามีข้อสงสัย ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือถามกรมสรรพากรโดยตรง การยึดมั่นกฎภาษีจะช่วยให้คุณลงทุนอย่างสบายใจ มุ่งเน้นผลตอบแทนระยะยาวได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผิดพลาด
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. กำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้องเสียภาษีหรือไม่?
สำหรับบุคคลธรรมดา กำไรจากการขายหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยทั่วไปจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรเสมอ
2. เงินปันผลจากหุ้นไทยที่ได้รับ ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว ต้องนำไปยื่นภาษีอีกหรือไม่?
เงินปันผลจากหุ้นไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% คุณมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะให้นี่เป็นภาษีสุดท้าย (ไม่ต้องนำไปรวมยื่นภาษีอีก) หรือจะนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี เพื่อใช้สิทธิ์เครดิตภาษีเงินปันผล ซึ่งอาจทำให้ได้รับภาษีคืนหากอัตราภาษีของคุณต่ำกว่า 10%
3. ถ้าลงทุนหุ้นต่างประเทศแล้วได้กำไร แต่ยังไม่ได้นำเงินกลับเข้าไทย จะต้องเสียภาษีในปีนั้นหรือไม่?
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 41 วรรคสอง หากคุณมีเงินได้จากต่างประเทศ (รวมถึงกำไรจากการขายหุ้น) และยังไม่ได้นำเงินนั้นกลับเข้ามาในประเทศไทยภายในปีภาษีเดียวกันกับที่เกิดรายได้ คุณอาจไม่จำเป็นต้องนำเงินได้ส่วนนั้นมารวมคำนวณภาษีในปีภาษีนั้น
4. มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยวางแผนภาษีสำหรับรายได้จากการเทรดหุ้นให้ถูกต้องและประหยัด?
- บันทึกรายการซื้อขายอย่างละเอียดเพื่อเป็นหลักฐาน
- วางแผนช่วงเวลาการนำเงินได้จากต่างประเทศกลับเข้าไทยให้ข้ามปีภาษี
- พิจารณาใช้สิทธิ์เครดิตภาษีเงินปันผลสำหรับหุ้นไทย หากอัตราภาษีของคุณเหมาะสม
- ลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี เช่น SSF/RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น
5. ถ้าเทรดหุ้นแล้วขาดทุน สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ไหม?
โดยทั่วไปแล้ว การขาดทุนจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ เนื่องจากกำไรจากการขายหุ้นในประเทศก็ได้รับการยกเว้นภาษีเช่นกัน
6. การลงทุนในกองทุนรวม (Mutual Funds) และหุ้น มีวิธีการเสียภาษีแตกต่างกันอย่างไร?
เงินปันผลจากกองทุนรวมมักถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งเป็นภาษีสุดท้าย ไม่สามารถขอเครดิตภาษีได้เหมือนเงินปันผลจากหุ้นโดยตรง ส่วนกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gains) โดยทั่วไปจะได้รับยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ซึ่งคล้ายกับกำไรจากการขายหุ้นในประเทศ
7. กรมสรรพากรมีช่องทางใดบ้างที่เราสามารถสอบถามข้อมูลภาษีหุ้นเพิ่มเติมได้?
คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ กรมสรรพากร (www.rd.go.th) หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Call Center) หมายเลข 1161
8. ถ้ามีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น เงินเดือน ค้าขาย และเทรดหุ้น ต้องยื่นภาษีอย่างไรให้ถูกต้อง?
คุณจะต้องรวมรายได้ทั้งหมดที่คุณมีในแต่ละปีภาษี แล้วยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ซึ่งเป็นแบบสำหรับผู้มีเงินได้หลายประเภท โดยแยกประเภทเงินได้แต่ละส่วนตามมาตรา 40 (1)-(8) และคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า รวมถึงใช้สิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ที่มี
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。