unemployment rate คืออะไร? 5 สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับอัตราการว่างงานในไทย

อัตราการว่างงาน คืออะไร? นิยามและแนวคิดพื้นฐาน

อัตราการว่างงานถือเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ขาดไม่ได้ เพราะมันช่วยให้เราเห็นภาพรวมของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจทั้งระบบของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันบอกถึงสัดส่วนของคนที่กำลังหางานแต่ยังหาไม่ได้ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมดที่อยู่ในวัยทำงานและพร้อมลงแรง

ภาพประกอบคนหางานและคนทำงาน แสดงถึงกำลังแรงงานและอัตราการว่างงาน

ถ้าจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง ต้องเริ่มจากแนวคิดหลักสามประการที่เป็นรากฐาน

  • กำลังแรงงาน: ครอบคลุมคนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปและพร้อมทำงาน ไม่ว่าจะมีงานอยู่แล้วหรือกำลังหางาน
  • ผู้มีงานทำ: คือคนในกลุ่มกำลังแรงงานที่กำลังทำงานจริงๆ ไม่ว่าจะรับค่าจ้าง ช่วยงานครอบครัวโดยไม่มีเงินเดือน หรือทำธุรกิจส่วนตัว
  • ผู้ว่างงาน: หมายถึงคนในกำลังแรงงานที่ไม่มีงานทำในช่วงเวลาที่ตรวจสอบ และกำลังหางานอย่างจริงจังในช่วงเวลาที่กำหนด

ตัวเลขอัตราการว่างงานนี้ไม่ใช่แค่สถิติธรรมดา แต่เหมือนกระจกที่สะท้อนศักยภาพในการผลิตของประเทศ การสร้างโอกาสงาน และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ถ้าตัวเลขสูงเกินไป อาจบอกถึงปัญหาใหญ่ เช่น เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว หรือโครงสร้างเศรษฐกิจไม่รองรับแรงงานได้เต็มที่ ซึ่งในทางปฏิบัติ เราอาจเห็นตัวอย่างจากวิกฤตที่ทำให้คนจำนวนมากตกงานชั่วคราว

การคำนวณอัตราการว่างงาน: สูตรและองค์ประกอบ

การหาตัวเลขอัตราการว่างงานดูเหมือนไม่ยุ่งยาก แต่ต้องอาศัยข้อมูลที่เก็บมาอย่างถูกต้องและเป็นมาตรฐาน เพื่อให้ผลลัพธ์น่าเชื่อถือและนำไปเปรียบเทียบกับที่อื่นได้

ภาพประกอบมือถือเครื่องคิดเลขแสดงสูตรอัตราการว่างงานกับผู้หางานหลากหลาย

สูตรพื้นฐานคือ:

อัตราการว่างงาน = (จำนวนผู้ว่างงาน / จำนวนกำลังแรงงานทั้งหมด) × 100%

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูส่วนประกอบแต่ละส่วนกัน

  • จำนวนผู้ว่างงาน: ตามมาตรฐานสากลและที่ใช้ในไทย หมายถึงคนที่ไม่มีงานทำในสัปดาห์ที่ตรวจสอบ และพยายามหางานใน 30 วันก่อนหน้า หรือกำลังรอคอยกลับไปทำงานตามกำหนด
  • จำนวนกำลังแรงงานทั้งหมด: คือยอดรวมของคนมีงานทำกับคนว่างงาน โดยปกติครอบคลุมคนอายุ 15 ปีขึ้นไปที่กำลังทำงานหรือหางาน

ต้องจำไว้ว่า แต่ละประเทศหรือหน่วยงานอาจปรับนิยามหรือวิธีเก็บข้อมูลเล็กน้อย ซึ่งส่งผลต่อตัวเลขที่ได้ เช่น บางแห่งกำหนดอายุเริ่มต้นต่างกัน หรือเข้มงวดเรื่อง “หางานอย่างจริงจัง” มากกว่า สิ่งนี้ทำให้การเปรียบเทียบต้องระวัง โดยเฉพาะในบริบทที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

ประเภทของการว่างงาน: รู้จักสาเหตุและลักษณะ

การว่างงานไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่สามารถแบ่งตามปัจจัยหลักได้หลายแบบ ซึ่งช่วยให้เราเห็นปัญหาชัดเจนและหาทางแก้ที่ตรงจุด

ภาพประกอบแสดงประเภทการว่างงาน เช่น โครงสร้าง ตามฤดูกาล และแอบแฝงกับผู้คน

การว่างงานตามโครงสร้าง

เกิดจากความไม่ตรงกันระหว่างทักษะที่คนมีกับที่ตลาดต้องการ มักมาจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในเศรษฐกิจ เช่น เทคโนโลยีใหม่แทนที่งานเก่า หรือโรงงานย้ายฐาน ลองนึกถึงกรณีที่เครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาในโรงงาน ทำให้คนงานต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ หรือในยุคดิจิทัลที่คนขาดความชำนาญด้านออนไลน์

การว่างงานตามวัฏจักร

เชื่อมโยงตรงกับรอบเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจซบเซาหรือถดถอย ความต้องการสินค้าลดลง ธุรกิจจึงลดกำลังผลิตและเลิกจ้าง แบบนี้มักหายไปเมื่อเศรษฐกิจฟื้น เช่น ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา

การว่างงานจากการเสียดทาน

เป็นการว่างงานชั่วคราวที่เกิดระหว่างเปลี่ยนงาน หรือหลังจบการศึกษา มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ในตลาดที่เคลื่อนไหว และจริงๆ แล้วเป็นสัญญาณบวกเพราะแสดงว่าคนมีทางเลือกที่ดีกว่า

การว่างงานตามฤดูกาล

พบในอุตสาหกรรมที่ขึ้นกับฤดู เช่น เกษตร ท่องเที่ยว หรือก่อสร้าง ที่คนอาจว่างงานนอกฤดูเพราะความต้องการลดลง

การว่างงานแอบแฝง

เป็นการว่างงานที่ซ่อนอยู่ในตัวเลขปกติ แต่สำคัญมากสำหรับไทย โดยเฉพาะในเกษตรและบริการนอกระบบ หมายถึงคนทำงานเกินจำเป็นจนผลผลิตต่อคนต่ำ หรือทำงานไม่เต็มศักยภาพ เช่น หนุ่มสาวจบปริญญาที่ทำหน้าที่ไม่ตรงวุฒิ หรือชาวนาที่มีงานแค่ไม่กี่เดือนต่อปี มันชี้ถึงปัญหาโครงสร้างใหญ่ในตลาดแรงงานไทย ที่มีส่วนนอกระบบเยอะและขาดโอกาสพัฒนาทักษะสู่ตำแหน่งที่มีมูลค่าสูงกว่า

ผลกระทบของอัตราการว่างงานต่อเศรษฐกิจและสังคม

ไม่ว่าตัวเลขอัตราการว่างงานจะสูงหรือต่ำ มันส่งผลกว้างขวางทั้งต่อเศรษฐกิจทั้งระบบและชีวิตคนในสังคม

ต่อเศรษฐกิจ

  • การสูญเสียผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ: คนว่างงานหมายถึงกำลังผลิตหายไป ทำให้ GDP ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
  • ผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ: จากทฤษฎี Phillips Curve ถ้าว่างงานต่ำเกิน อาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งเพราะค่าจ้างขึ้น แต่ความสัมพันธ์นี้ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย
  • การบริโภคและการลงทุนที่ลดลง: รายได้หายไปทำให้คนใช้จ่ายน้อยลง ส่งผลต่อธุรกิจและการลงทุนใหม่
  • ภาระทางการคลังของรัฐบาล: ต้องใช้งบช่วยเหลือ เช่น ฝึกอาชีพหรือเงินชดเชย ซึ่งอาจเพิ่มหนี้สาธารณะ

ต่อสังคม

  • ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ: ว่างงานยาวนานทำให้ยากจนและช่องว่างรายได้กว้างขึ้น
  • ปัญหาสุขภาพจิตและอาชญากรรม: อาจนำไปสู่ความเครียด ซึมเศร้า และเพิ่มอาชญากรรม
  • การสูญเสียทักษะและโอกาส: ว่างงานนานทำให้ทักษะเสื่อมและยากกลับสู่ตลาด

สถานการณ์อัตราการว่างงานในประเทศไทย: เจาะลึกข้อมูลและแนวโน้ม

ตลาดแรงงานไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากหลายประเทศ เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ผสมผสานระหว่างภาคอุตสาหกรรม บริการ และเกษตร

ข้อมูลปัจจุบันและแนวโน้มประวัติศาสตร์

ตลอดหลายสิบปี อัตราการว่างงานไทยมักต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก แต่ตัวเลขนี้อาจไม่ครอบคลุมเต็มที่เพราะปัญหาว่างงานแอบแฝงและงานนอกระบบ จากข้อมูลของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) ตัวเลขอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 1-2% ซึ่งถือว่าน่าประทับใจ

ในวิกฤตใหญ่ เช่น ปี 2540 หรือโควิด-19 ตัวเลขเคยพุ่ง แต่ฟื้นตัวเร็ว แสดงถึงความยืดหยุ่นของระบบ

ปัจจัยเฉพาะของตลาดแรงงานไทย

  • ภาคบริการ: ใหญ่สุดและสร้างงานมาก โดยเฉพาะท่องเที่ยวและค้าปลีก แต่เปราะบางต่อปัจจัยภายนอกอย่างโรคระบาด
  • ภาคการเกษตร: สัดส่วนลดลงแต่ยังดูดซับแรงงานได้ดี โดยเฉพาะคนย้ายกลับบ้านตอนวิกฤต แต่มักมีว่างงานแอบแฝง
  • แรงงานนอกระบบ: สูงมาก ทำให้วัดอัตราการว่างงานยาก และกลุ่มนี้เสี่ยงสูง
  • ปัญหาการไม่ตรงกันของทักษะ: แรงงานขาดทักษะสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ สร้างช่องว่างระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

ความท้าทายและการแก้ไขของรัฐบาลไทย

รัฐบาล โดยเฉพาะ กระทรวงแรงงาน (Ministry of Labour) มีนโยบายหลากหลายเพื่อรับมือ เช่น

  • โครงการฝึกอบรมทักษะเพื่อให้ตรงตลาด
  • ส่งเสริมจ้างผู้สูงอายุและผู้พิการ
  • ช่วยเหลือ SME เพื่อรักษางาน
  • ผลักดันเศรษฐกิจที่สร้างงานคุณภาพสูง

แต่ความท้าทายยังมาก เช่น จัดการว่างงานแอบแฝง พัฒนาทักษะให้ทันเทคโนโลยี และสร้างงานยั่งยืน เมื่อเทียบกับอาเซียน ไทยต่ำกว่าในตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่ปัญหานอกระบบยังต้องแก้

อัตราการว่างงาน U6 คืออะไร? และความสำคัญต่อการวิเคราะห์เชิงลึก

นอกจากอัตราการว่างงานมาตรฐานที่เราคุ้นเคย (U3) ซึ่งดูเฉพาะคนหางานจริงจัง ยังมี U6 ที่กว้างกว่า ช่วยให้เห็นภาพตลาดแรงงานชัดเจนยิ่งขึ้น

U6 แตกต่างเพราะรวมสองกลุ่มเพิ่ม

  1. ผู้ทำงานต่ำกว่าศักยภาพ: อยากทำงานเต็มเวลาแต่ได้แค่นอกเวลาเพราะเศรษฐกิจ หรือนายจ้างลดชั่วโมง
  2. ผู้ท้อแท้และคนอยากทำงานแต่ไม่หา: หยุดหางานเพราะหมดหวัง หรือเหตุอื่นแต่ยังอยากมีงาน

การรวมกลุ่มนี้ทำให้ U6 แสดง “แรงงานที่ไม่ได้ใช้เต็มที่” ได้ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจแย่ ที่ U3 อาจดูดีเพราะคนบางส่วนถอนตัว แต่ U6 เผยปัญหาจริง สำหรับไทย U6 สำคัญเพราะเกษตรและนอกระบบมีปัญหา underemployment เยอะ แม้ข้อมูล U6 ยังไม่แพร่หลาย แต่การพัฒนามันจะช่วยนักวิเคราะห์และรัฐบาลตัดสินใจดีขึ้น

สรุป: อัตราการว่างงานในฐานะกระจกสะท้อนเศรษฐกิจไทย

อัตราการว่างงานไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นตัวบ่งชี้ที่บอกถึงการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ สุขภาพตลาดแรงงาน และความเป็นอยู่ของคนไทย การรู้จักนิยาม การคำนวณ ประเภท ผลกระทบ และบริบทไทย ช่วยให้ตีความข้อมูลได้แม่นยำ

แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการต่ำ แต่ปัญหาจริงซ่อนอยู่ เช่น ว่างงานแอบแฝง นอกระบบ และ skill gap การแก้ต้องอาศัยทุกฝ่าย ทั้งรัฐ เอกชน และการศึกษา เพื่อให้แรงงานไทยปรับตัวและมีงานดีในอนาคต

ไม่ว่านักลงทุน ประชาชน หรือผู้กำหนดนโยบาย การติดตามอัตราการว่างงานอย่างใกล้ชิดจะช่วยเข้าใจทิศทางเศรษฐกิจ ตัดสินใจฉลาด และสร้างตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งยั่งยืน

อัตราการว่างงานประเทศไทยในไตรมาสล่าสุด (2567/2568) เป็นเท่าไหร่ และมีแนวโน้มอย่างไร?

ข้อมูลอัตราการว่างงานไทยอัปเดตทุกไตรมาส โดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) เป็นแหล่งหลัก คุณสามารถเช็คข้อมูลล่าสุดจากเว็บ NESDC หรือธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับแนวโน้ม มันขึ้นกับเศรษฐกิจโลกและในประเทศ ถ้าเติบโตดีตัวเลขจะต่ำ แต่ถ้าวิกฤตอย่างเศรษฐกิจถดถอยหรือโรคระบาด อาจสูงขึ้นชั่วคราว

“การว่างงานแอบแฝง” (Disguised Unemployment) คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการทำความเข้าใจตลาดแรงงานไทย?

การว่างงานแอบแฝงคือคนที่ทำงานแต่ผลผลิตต่ำมากจนแทบไม่มีมูลค่าเพิ่ม หรือมีคนเกินจำเป็นในงานนั้น เช่น ไร่นาที่คนเยอะเกินควร หรือบัณฑิตที่ทำหน้าที่ไม่ใช้ทักษะ มันสำคัญสำหรับไทยเพราะชี้ถึงการใช้แรงงานไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเกษตรและบริการนอกระบบ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้รายได้ต่อคนไม่โต แม้ตัวเลขว่างงานอย่างเป็นทางการจะต่ำ

รัฐบาลไทยมีนโยบายหรือมาตรการใดบ้างที่กำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการว่างงานในปัจจุบัน?

รัฐบาลไทย โดย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานเกี่ยวข้อง มีมาตรการมากมาย เช่น ฝึกทักษะให้ตรงตลาด สนับสนุน SME ด้วยสิทธิภาษี ช่วยผู้ว่างงานด้วยเงินชดเชย และจัดหางานผ่านออนไลน์ เพื่อรักษาและสร้างโอกาสงาน

อัตราการว่างงาน U6 แตกต่างจากอัตราการว่างงานทั่วไป (U3) อย่างไร และมีข้อมูลสำหรับประเทศไทยหรือไม่?

U3 นับเฉพาะคนไม่มีงานและหาอย่างจริงจัง แต่ U6 กว้างกว่า รวมคนทำงานไม่เต็มศักยภาพ (อยากเต็มเวลาแต่ได้นอก) และคนท้อถอย (อยากงานแต่หยุดหา) ทำให้เห็นภาพตลาดแรงงานครบถ้วนกว่า สำหรับไทย ข้อมูล U6 ยังไม่แพร่หลายเท่า U3 แต่มีงานวิจัยจากนักวิชาการและองค์กรที่พยายามประเมินเพื่อวิเคราะห์ลึก

ผู้จบการศึกษาใหม่ในประเทศไทยควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานในตลาดแรงงานปัจจุบัน?

บัณฑิตใหม่ควรโฟกัสทักษะที่ตลาดต้องการ เช่น ดิจิทัล ภาษา การวิเคราะห์ข้อมูล และ soft skills อย่างสื่อสาร ทีมเวิร์ค แก้ปัญหา การฝึกงานหรือสหกิจจะช่วยสร้างประสบการณ์และเครือข่าย ซึ่งสำคัญมาก นอกจากนี้ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและพร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต

สถานการณ์โควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่ออัตราการว่างงานของไทยในระยะยาวอย่างไร?

โควิดเร่งเปลี่ยนโครงสร้างตลาดแรงงาน โดยดิจิทัลเข้ามาแทนที่งานบางอย่าง ทำให้บางอาชีพหายไปแต่บางอย่างเพิ่ม ในระยะยาว เศรษฐกิจฟื้นจะลดว่างงาน แต่เปลี่ยนลักษณะงาน เช่น ไฮบริดหรือรีโมท และอาจเพิ่ม skill mismatch ถ้าแรงงานไม่พัฒนาทักษะทัน

เราสามารถหาข้อมูลและสถิติอัตราการว่างงานที่น่าเชื่อถือของประเทศไทยได้จากแหล่งใดบ้าง?

แหล่งข้อมูลหลักที่น่าเชื่อถือคือ:

อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นหรือลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างไรบ้าง?

ถ้าว่างงานสูง คนจะกังวลเรื่องงาน หางานใหม่ยาก รายได้ครัวเรือนลด กำลังซื้อหด ใช้จ่ายระวัง ส่งผลถึงธุรกิจและเศรษฐกิจ แต่ถ้าต่ำและเศรษฐกิจดี โอกาสงานเพิ่ม รายได้ขึ้น มั่นคงกว่า นำไปสู่บริโภคและลงทุนที่โต

ภาคส่วนธุรกิจใดในประเทศไทยที่มีอัตราการว่างงานสูงหรือต่ำเป็นพิเศษ และเพราะเหตุใด?

ภาคที่ว่างงานต่ำมักเป็นที่เติบโตต่อเนื่องและต้องการทักษะเฉพาะ เช่น IT การแพทย์ หรืออุตสาหกรรมมูลค่าสูง ส่วนสูงกว่าในภาคผันผวนอย่างท่องเที่ยว (กระทบภายนอก) เกษตร (ตามฤดู) และผลิตแรงงานหนักที่ย้ายฐานง่าย

อัตราการว่างงานที่เหมาะสมหรือ “อัตราการว่างงานตามธรรมชาติ” (Natural Rate of Unemployment) ของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?

อัตราการว่างงานตามธรรมชาติคือระดับที่เศรษฐกิจจ้างเต็มที่ มีแค่ว่างงานจากเสียดทานและโครงสร้าง ไม่มีวัฏจักร สำหรับไทย นักเศรษฐศาสตร์มองว่าประมาณ 1-2% ต่ำกว่าประเทศพัฒนาเพราะเกษตรและนอกระบบช่วยดูดซับ แต่การคำนวณจริงซับซ้อน ขึ้นกับวิธีและช่วงเวลา

Author photo

發佈留言