
อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคืออะไร? 4 สิ่งที่ควรรู้เพื่อเข้าใจเศรษฐกิจไทยและบริหารเงิน
บทนำ: ทำความรู้จักอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว
ในยุคที่โลกเชื่อมโยงกันมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทุกชาติ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าขาย การลงทุน หรือแม้แต่การเดินทางท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้กำหนดมูลค่าของสกุลเงินแต่ละประเภทเมื่อเทียบกัน และมีอิทธิพลโดยตรงต่อราคาสินค้าและบริการที่นำเข้าจากต่างประเทศ รายได้จากการส่งสินค้าออกไปขาย และศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลก

จากระบบอัตราแลกเปลี่ยนหลากหลายรูปแบบที่ใช้กันทั่วโลก ‘อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว’ ถือเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับและนำไปปฏิบัติในหลายประเทศ รวมถึงบ้านเรา บทความนี้จึงมุ่งอธิบายถึงหลักการทำงาน ข้อดีข้อเสีย รวมถึงกรณีศึกษาจากการจัดการค่าเงินบาทของไทยภายใต้ระบบนี้ โดยเน้นข้อมูลเชิงลึกและเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการและคนทั่วไป เพื่อช่วยให้เข้าใจและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น

อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคืออะไร?
คำจำกัดความและหลักการทำงานพื้นฐาน
ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว หมายถึงกลไกที่ให้มูลค่าของสกุลเงินแต่ละตัวขึ้นอยู่กับกองทุนตลาด โดยอาศัยแรงผลักดันจากอุปสงค์และอุปทานในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยธนาคารกลางจะไม่เข้าไปกำหนดหรือควบคุมให้ติดอยู่ในระดับที่ตั้งไว้ล่วงหน้า

ตัวอย่างเช่น ถ้ามีความต้องการสกุลเงินบาทเพิ่มขึ้น จากการที่นักลงทุนต่างชาติหันมาลงทุนในไทยมากขึ้น หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมงานเทศกาลจำนวนมาก มูลค่าบาทก็จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ แต่ถ้าต้องขายบาทออกไปจำนวนมาก เช่น ผู้นำเข้าต้องจ่ายเงินต่างประเทศเพื่อนำสินค้ามา ค่าเงินบาทก็จะลดลงตามกลไกตลาด ความเคลื่อนไหวแบบนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยใหญ่ๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย ระดับเงินเฟ้อ การขยายตัวของเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งล้วนแต่กำหนดทิศทางของอุปสงค์และอุปทานได้ทั้งสิ้น
เปรียบเทียบ: อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว vs. แบบคงที่
ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่
ระบบที่ตรงข้ามกันคือ ‘อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่’ ซึ่งธนาคารกลางหรือหน่วยงานรัฐจะกำหนดมูลค่าของสกุลเงินให้ยึดติดกับสกุลเงินต่างชาติตัวใดตัวหนึ่ง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือตะกร้าของสกุลเงินหลายตัว โดยมีหน้าที่ต้องรักษาระดับนั้นให้คงที่
ระบบนี้ช่วยสร้างความมั่นใจและความมั่นคงในอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ทำธุรกิจข้ามชาติเพราะลดความเสี่ยง และดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ดี แต่ในทางกลับกัน มันก่อให้เกิดปัญหาใหญ่คือ ธนาคารกลางต้องใช้เงินสำรองจากต่างประเทศจำนวนมหาศาลเพื่อเข้าไปปรับสมดุลในตลาด และอาจสูญเสียอิสระในการกำหนดนโยบายการเงิน เพราะต้องปรับดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับประเทศที่ยึดติด เพื่อป้องกันเงินทุนไหลเข้าออกอย่างกะทันหัน
ความแตกต่างที่สำคัญและผลกระทบ
จุดต่างหลักระหว่างระบบทั้งสองอยู่ที่หน้าที่ของธนาคารกลางและวิธีการกำหนดมูลค่าเงิน
- การกำหนดมูลค่า: ระบบลอยตัวอาศัยตลาดกำหนดผ่านอุปสงค์และอุปทาน ในขณะที่ระบบคงที่ใช้อำนาจจากรัฐหรือธนาคารกลางตัดสิน
- การแทรกแซง: ระบบลอยตัวแทบไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือเข้าไปน้อยมาก (ยกเว้นกรณีลอยตัวแบบมีจัดการ) แต่ระบบคงที่ต้องเข้าแทรกแซงอย่างต่อเนื่อง
- ความเป็นอิสระทางนโยบายการเงิน: ระบบลอยตัวเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางปรับนโยบายการเงินได้อิสระ เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ระบบคงที่จำกัดความยืดหยุ่นนี้
- ความผันผวน: ระบบลอยตัวอาจแกว่งไกวมากกว่า แต่ช่วยให้เศรษฐกิจปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ภายนอกได้เอง ส่วนระบบคงที่ให้ความมั่นคงมากกว่า แต่ถ้าระดับที่ยึดไว้ไม่ตรงกับพื้นฐานเศรษฐกิจ อาจนำไปสู่วิกฤตใหญ่ได้
ข้อดีและข้อเสียของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว
การนำระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวมาใช้ มีทั้งด้านบวกและด้านลบที่กระทบต่อเศรษฐกิจและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะในบริบทของการค้าขายและการลงทุน
ข้อดี: การปรับตัวทางเศรษฐกิจและความเป็นอิสระ
- การปรับตัวอัตโนมัติของเศรษฐกิจ: เมื่อเกิดเหตุการณ์ภายนอกที่กระทบ เช่น ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง หรือตลาดส่งออกหดตัว อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวจะปรับสมดุลได้เอง การที่ค่าเงินอ่อนลงจะทำให้สินค้าส่งออกดูถูกกว่าในสายตาลูกค้าต่างชาติ ส่งผลให้แข่งขันได้ดีขึ้น และช่วยลดช่องว่างการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสามารถปรับเครื่องมือการเงิน เช่น ดอกเบี้ย ได้อย่างอิสระ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว โดยไม่ต้องห่วงว่าจะกระทบต่อการยึดระดับอัตราแลกเปลี่ยน
- การลดความจำเป็นในการสำรองเงินตราต่างประเทศ: เนื่องจากไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงตลาดบ่อยๆ ธนาคารกลางจึงไม่จำเป็นต้องกักตุนเงินสำรองจำนวนมาก สามารถนำทรัพยากรเหล่านั้นไปใช้ในด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจได้
ข้อเสีย: ความผันผวนและความไม่แน่นอน
- ความผันผวนของค่าเงินและผลกระทบ: การแกว่งไหวของค่าเงินที่รวดเร็วและคาดเดายาก สามารถสร้างความสับสนให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ส่งออกและนำเข้าที่อาจต้องปรับแผนการทำงาน การคำนวณกำไร และการทำข้อตกลงระยะยาวใหม่ทั้งหมด
- ความไม่แน่นอนในการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ: ความไม่แน่นอนจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยากต่อการประเมินต้นทุนและผลตอบแทนในการค้าหรือลงทุนข้ามพรมแดน ซึ่งอาจทำให้เกิดความลังเลในการขยายกิจการต่างประเทศ
- ความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ/เงินฝืดที่เกิดจากค่าเงิน: ถ้าค่าเงินอ่อนลงกะทันหัน ราคาสินค้านำเข้าอย่างน้ำมันหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะแพงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งสูง ในทางตรงกันข้าม ถ้าแข็งค่ามากเกินไป สินค้าส่งออกจะดูแพง สร้างแรงกดดันต่อภาคส่งออกและอาจนำไปสู่ภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อ
อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการ: กรณีศึกษาประเทศไทย
ประเทศไทยนับเป็นตัวอย่างชัดเจนของประเทศที่เคยยึดติดกับระบบคงที่ ก่อนจะเปลี่ยนมาสู่ระบบลอยตัวแบบมีจัดการ ซึ่งเต็มไปด้วยบทเรียนและประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา
ระบบอัตราแลกเปลี่ยนของไทยในอดีต: จากคงที่สู่ลอยตัว
ในอดีต ไทยเคยใช้ระบบคงที่ โดยเริ่มต้นจากตรึงค่าเงินบาทกับทองคำและเงินปอนด์ จากนั้นเปลี่ยนมาเพกกับดอลลาร์สหรัฐ และพัฒนาไปสู่ระบบตะกร้าเงินที่ผสมสกุลเงินหลักจากคู่ค้าหลัก โดยดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่ในตะกร้านั้น ช่วงเวลานี้ช่วยให้ธุรกิจวางแผนการค้าและลงทุนได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างคงที่
แต่พอเข้าสู่ช่วงท้ายทศวรรษ 1990 ไทยเริ่มเผชิญปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเรื้อรัง และนักลงทุนต่างชาติเริ่มโจมตีค่าเงินบาท เพราะมองว่าบาทแข็งเกินจริงเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่แท้ สุดท้ายธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถยื้อระบบคงที่ได้อีกต่อไป จึงประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อ 2 กรกฎาคม 2540 ซึ่งจุดชนวนให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินเอเชีย 1997 หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’ เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่ผลักดันให้ไทยหันมาใช้ระบบลอยตัวอย่างจริงจัง
นโยบายปัจจุบัน: อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทุกวันนี้ ไทยใช้ระบบ ‘ลอยตัวภายใต้การจัดการ’ ซึ่งค่าเงินบาทส่วนใหญ่เคลื่อนไหวตามตลาด แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถเข้าแทรกแซงบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อบรรเทาความผันผวนที่รุนแรงหรือผิดปกติ โดยมุ่งปกป้องเศรษฐกิจโดยรวมจากผลกระทบที่ไม่คาดคิด
เป้าหมายและเครื่องมือของ ธปท. ในการบริหารจัดการค่าเงินบาท:
- เป้าหมาย: ธปท. ต้องการให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนและลดความเสี่ยงจากความแกว่งไหวรุนแรง โดยไม่ตั้งเป้าคงที่ในระดับใดระดับหนึ่ง
- เครื่องมือ: มีเครื่องมือหลากหลายให้เลือกใช้ เช่น การซื้อขายเงินต่างประเทศในตลาดเพื่อปรับสมดุล การควบคุมดอกเบี้ย การจัดการสภาพคล่องในระบบธนาคาร และการออกแนวปฏิบัติเกี่ยวกับเงินทุนต่างชาติ เพื่อให้ทุกอย่างไหลลื่นและตรงทิศทางที่เหมาะสม อย่างเช่น ถ้าบาทอ่อนลงกะทันหันและกระทบเศรษฐกิจ ธปท. อาจขายดอลลาร์เพื่อซื้อบาทกลับ ทำให้บาทแข็งค่าขึ้น การเข้าแทรกแซงแบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่เพื่อบังคับทิศทางค่าเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของคนไทย
ระบบลอยตัวแบบนี้ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของคนไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะการค้าขายและการใช้จ่าย
- ภาคการส่งออก-นำเข้า: ถ้าบาทอ่อน ผู้ส่งออกไทยจะได้ประโยชน์เพราะแลกเงินต่างประเทศกลับมาได้บาทเพิ่ม แต่ผู้นำเข้าจะลำบากเพราะต้องจ่ายบาทมากขึ้น ถ้าบาทแข็ง สถานการณ์พลิกผัน ผู้นำเข้าได้เปรียบแต่ผู้ส่งออกเสียหาย
- การท่องเที่ยว: บาทอ่อนลงจะทำให้ไทยน่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะค่าใช้จ่ายที่นี่ถูกลงเมื่อคำนวณจากสกุลเงินของเขา
- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): ความแกว่งไหวของบาทอาจเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ขึ้นกับจังหวะเวลาและแนวโน้มตลาด
- ผู้บริโภคและการใช้จ่าย: บาทอ่อนทำให้สินค้านำเข้าอย่างน้ำมันหรือ gadget แพงขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชน แต่ถ้าบาทแข็ง สินค้าเหล่านี้จะถูกลงและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
- ผู้ที่ทำงานหรือเรียนต่างประเทศ: ถ้าบาทอ่อน การส่งเงินกลับบ้านจะได้บาทมากกว่า แต่ค่าครองชีพหรือค่าเล่าเรียนต่างประเทศจะดูแพงขึ้นเมื่อคิดเป็นบาท
กลยุทธ์รับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาทสำหรับคนไทยและธุรกิจ
ในระบบลอยตัว ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับ การเตรียมกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปจัดการความเสี่ยงได้ดี และอาจพลิกเป็นโอกาสได้อีกด้วย
สำหรับภาคธุรกิจ: การบริหารความเสี่ยง
-
การใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging tools):
- สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward contracts): คือการตกลงล่วงหน้าว่าจะแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศในอนาคตด้วยอัตราที่กำหนดไว้ ช่วยให้ผู้ส่งออกหรือนำเข้าคำนวณรายได้และรายจ่ายได้ชัดเจน ธนาคารไทยพาณิชย์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
- Options: ให้สิทธิ์ในการซื้อหรือขายเงินต่างประเทศในอนาคตด้วยอัตราที่ตกลง โดยผู้ถือสิทธิ์สามารถเลือกใช้หรือไม่ใช้ได้ตามสถานการณ์
- การกระจายความเสี่ยงด้านตลาดและสกุลเงิน: หลีกเลี่ยงการพึ่งพาตลาดส่งออกหรือนำเข้าจากประเทศใดประเทศหนึ่ง และกระจายการถือสินทรัพย์หรือหนี้สินไปยังสกุลเงินหลายตัว เพื่อลดผลกระทบจากความแกว่งไกวของสกุลใดสกุลหนึ่ง
- การกำหนดราคาที่ยืดหยุ่น: ผู้ส่งออกอาจตั้งราคาเป็นบาทโดยตรง หรือปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน เพื่อรักษาความสมดุลในกำไร
สำหรับประชาชนทั่วไป: การวางแผนทางการเงิน
- การออมและการลงทุนในสกุลเงินที่หลากหลาย: ลองฝากเงินในสกุลต่างประเทศ หรือลงทุนในกองทุนที่กระจายไปยังตลาดโลก เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน
- การพิจารณาผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการศึกษาต่างประเทศ: วางแผนทริปหรือการเรียนล่วงหน้า ติดตามแนวโน้มค่าเงินอย่างใกล้ชิดเพื่อแลกเงินในเวลาที่ดี และพิจารณาประกันการเดินทางที่ครอบคลุมความเสี่ยงจากค่าเงิน
- ผู้ที่ทำงานต่างประเทศหรือส่งเงินกลับไทย: ติดตามอัตราแลกเปลี่ยนให้สม่ำเสมอ และเลือกส่งเงินกลับในช่วงที่บาทอ่อน เพื่อให้ได้บาทจำนวนมากที่สุดจากรายได้ต่างประเทศ
สรุป: อนาคตของอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวในบริบทไทย
ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวได้กลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลกและไทย โดยเฉพาะหลังจากบทเรียนจากวิกฤตในอดีต ระบบลอยตัวแบบมีจัดการของธนาคารแห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่ช่วยปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเข้าใจกลไก ข้อดีข้อเสีย และแนวทางการจัดการจาก ธปท. จึงจำเป็นสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทย ในอนาคต การดูแลค่าเงินบาทจะยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายการเงินของมหาอำนาจ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และผลกระทบจากสภาพอากาศโลก แต่ด้วยนโยบายที่มั่นคงและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยจะรับมือได้ดีและเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคืออะไร และแตกต่างจากแบบคงที่อย่างไร?
อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวคือระบบที่มูลค่าของสกุลเงินถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหลัก โดยธนาคารกลางแทรกแซงน้อยหรือไม่แทรกแซงเลย ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่คือระบบที่ธนาคารกลางตรึงค่าเงินของตนไว้กับสกุลเงินอื่นหรือตะกร้าเงิน โดยต้องใช้เงินสำรองระหว่างประเทศในการแทรกแซงเพื่อรักษาระดับที่กำหนดไว้
ปัจจุบันประเทศไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบใด และมีกลไกการทำงานอย่างไร?
ปัจจุบันประเทศไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดเป็นหลัก แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเข้าแทรกแซงเพื่อลดความผันผวนที่มากเกินไปหรือผิดปกติ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพและสนับสนุนเศรษฐกิจโดยรวม
ธนาคารแห่งประเทศไทยมีบทบาทอย่างไรในการบริหารจัดการค่าเงินบาทภายใต้ระบบลอยตัว?
ธปท. มีบทบาทในการลดความผันผวนของค่าเงินบาทที่มากเกินไปและไม่เป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การเข้าซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในตลาด การดูแลสภาพคล่อง และนโยบายอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพและไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจ
ความผันผวนของค่าเงินบาทส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก-นำเข้าในประเทศไทยอย่างไร?
- เงินบาทอ่อนค่า: ผู้ส่งออกได้เปรียบเพราะได้รับเงินบาทมากขึ้นเมื่อแลกเงินต่างประเทศกลับมา ผู้นำเข้าเสียเปรียบเพราะต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการซื้อสินค้านำเข้า
- เงินบาทแข็งค่า: ผู้ส่งออกเสียเปรียบเพราะได้เงินบาทน้อยลง ผู้นำเข้าได้เปรียบเพราะใช้เงินบาทน้อยลงในการซื้อสินค้านำเข้า
ความผันผวนสร้างความไม่แน่นอนในการวางแผนและคำนวณกำไรของทั้งสองภาคส่วน
ประชาชนชาวไทยที่ทำงานต่างประเทศหรือส่งเงินกลับไทย ควรรับมือกับอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวอย่างไร?
ควรติดตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดและพิจารณาช่วงเวลาที่เงินบาทอ่อนค่าเพื่อส่งเงินกลับไทย เพื่อให้ได้รับเงินบาทในจำนวนที่มากขึ้น นอกจากนี้ การออมหรือลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศบางส่วนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการกระจายความเสี่ยง
วิกฤตการณ์การเงินเอเชีย ปี 1997 มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนของไทยอย่างไร?
วิกฤตการณ์การเงินเอเชีย ปี 1997 (วิกฤตต้มยำกุ้ง) เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ (ระบบตะกร้าเงิน) ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และเมื่อมีการโจมตีค่าเงินบาท ธปท. ไม่สามารถรักษาระดับค่าเงินไว้ได้ จึงประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบลอยตัว
การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศหรือการออมในสกุลเงินอื่น มีความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างไรภายใต้ระบบลอยตัว?
การลงทุนหรือออมในสกุลเงินอื่นภายใต้ระบบลอยตัวมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หากสกุลเงินที่เราลงทุนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท เราอาจขาดทุนเมื่อแลกกลับมา แต่หากสกุลเงินนั้นแข็งค่าขึ้น เราก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงและโอกาสในการสร้างผลตอบแทน
มีเครื่องมือทางการเงินใดบ้างที่ธุรกิจไทยสามารถใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน?
ธุรกิจไทยสามารถใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging tools) เช่น สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward contracts) เพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ทำให้สามารถคาดการณ์รายรับรายจ่ายได้แน่นอน นอกจากนี้ยังมี Options และการทำสัญญาในสกุลเงินบาทเพื่อลดความเสี่ยงโดยตรง
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。