ธนาคารของรัฐแห่งแรก: ไขปริศนา 100 ปี! ธนาคารใดคือรากฐานการเงินไทย?

บทนำ: ธนาคารของรัฐแห่งแรกในประเทศไทยคืออะไร?

ในประวัติศาสตร์การเงินของไทย สถาบันที่โดดเด่นและถูกจดจำในฐานะธนาคารของรัฐแห่งแรกคือ ธนาคารออมสิน ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชประสงค์อันมุ่งมั่นของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 6 สถาบันนี้ไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับทำธุรกรรมเงินตราเท่านั้น แต่ยังเป็นฐานรากสำคัญที่ช่วยปลูกฝังวัฒนธรรมการออมและเปิดโอกาสให้ประชาชนในสมัยสยามได้เข้าถึงบริการทางการเงินอย่างกว้างขวาง ธนาคารออมสินจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาชาติและการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตผู้คน ซึ่งมีอิทธิพลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทยมาจนถึงทุกวันนี้

ภาพประกอบพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาธนาคารของรัฐแห่งแรกในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการออม

ก่อนยุคธนาคารสมัยใหม่: ภูมิทัศน์การเงินในสยามโบราณ

ก่อนที่ระบบธนาคารสมัยใหม่จะเข้ามาในสยาม การจัดการธุรกรรมเงินตราและทรัพย์สินของคนไทยนั้นแตกต่างจากยุคปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ผู้คนมักแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบตรงไปตรงมา หรือใช้เงินตราหลากหลายรูปแบบ เช่น เบี้ย หอยกาบ หรือเงินพดด้วง สำหรับการกู้ยืม ก็มักพึ่งพานายทุนในท้องถิ่น ชุมชน หรือญาติสนิท ซึ่งมาพร้อมอัตราดอกเบี้ยสูงลิ่วและขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน การออมเงินในสมัยนั้นส่วนใหญ่คือการสะสมของมีค่าอย่างทองคำ เครื่องประดับ หรือเก็บเงินสดไว้ที่บ้าน ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกขโมยได้ง่าย

เมื่อสยามเริ่มเปิดประเทศและขยายการค้าขายกับต่างชาติ ความจำเป็นในระบบการเงินที่มั่นคงและมีมาตรฐานก็เริ่มชัดเจนขึ้น การปรากฏตัวของธนาคารพาณิชย์จากต่างชาติในช่วงปลายรัชกาลที่ 4 และต้นรัชกาลที่ 5 ได้เผยให้เห็นช่องว่างใหญ่หลวงในระบบเดิม ธนาคารเหล่านั้นส่วนใหญ่ให้บริการเฉพาะชนชั้นสูงและนักธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น ทำให้ประชาชนทั่วไปยังขาดโอกาสในการใช้บริการทางการเงินพื้นฐาน การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจนี้จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดการก่อตั้งธนาคารของรัฐที่มุ่งเน้นคนไทยโดยตรง

ภาพประกอบชาวสยามโบราณใช้หอยและทองคำในการแลกเปลี่ยนก่อนยุคธนาคารสมัยใหม่

พระราชดำริสู่การก่อตั้ง: พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับธนาคารออมสิน

แนวคิดในการสร้างธนาคารที่ช่วยส่งเสริมการออมสำหรับประชาชนมาจากพระราชวิสัยทัศน์อันลึกซึ้งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าการออมทรัพย์เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทั้งในระดับบุคคลและระดับชาติ ในยุคนั้น ไทยยังขาดสถาบันที่ทำหน้าที่นี้อย่างเป็นระบบสำหรับคนทั่วไป พระองค์จึงทรงริเริ่ม “คลังออมสิน” เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการออมให้กับราษฎร และรวบรวมทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ

พระราชดำรินี้ถูกนำมาปฏิบัติจริง โดยมีการบัญญัติ พระราชบัญญัติคลังออมสิน พุทธศักราช 2456 เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 และเริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2457 ภายใต้การกำกับของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นกระทรวงการคลัง การก่อตั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ ธนาคารของรัฐแห่งแรก ในไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นก้าวย่างสำคัญที่ช่วยวางรากฐานระบบการเงินสมัยใหม่ให้กับประชาชนสยาม ประวัติธนาคารออมสิน

ภาพประกอบการลงนามพระราชกฤษฎีกาสถาปนาคลังออมสินแห่งแรกในสยาม

วัตถุประสงค์และบทบาทแรกเริ่มของธนาคารออมสิน

ในช่วงเริ่มต้น คลังออมสินมุ่งเน้นวัตถุประสงค์ที่เรียบง่ายแต่ส่งผลกระทบลึกซึ้งต่อสังคมไทย โดยมีเป้าหมายหลักดังนี้

  • ส่งเสริมการออม: เป็นสถานที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับทุกชนชั้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและเด็กๆ เพื่อให้พวกเขารู้จักคุณค่าของการเก็บเงิน
  • สร้างความมั่นคง: ช่วยให้ประชาชนมีเงินสำรองสำหรับยามฉุกเฉินหรือการลงทุนในอนาคต เพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
  • ระดมทุนเพื่อพัฒนาประเทศ: เงินฝากจากประชาชนถูกนำไปสนับสนุนโครงการสาธารณูปโภคและกิจการของรัฐ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาติโดยรวม
  • ลดปัญหาหนี้นอกระบบ: ด้วยบริการที่เข้าถึงง่ายและดอกเบี้ยที่ยุติธรรม ช่วยลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่มีต้นทุนสูง

ในระยะแรก คลังออมสินเน้นรับฝากเงินเป็นหลัก ด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น ฝากเงินจำนวนน้อยหรือเปิดบัญชีสำหรับเด็ก ซึ่งช่วยปลูกฝังพฤติกรรมทางการเงินที่ดีตั้งแต่เด็ก บทบาทเหล่านี้ทำให้คลังออมสินกลายเป็นธนาคารที่แท้จริงสำหรับประชาชน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงให้สังคมไทย โดยเฉพาะในยุคที่การเงินยังไม่พัฒนาเท่าทุกวันนี้

วิวัฒนาการของธนาคารของรัฐ: จากอดีตสู่ปัจจุบัน

ตั้งแต่ก่อตั้งในชื่อคลังออมสิน ธนาคารแห่งนี้ได้ปรับตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของไทย ในปี พ.ศ. 2490 คลังออมสินได้รับการยกระดับเป็น “ธนาคารออมสิน” ตามพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 ทำให้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงการคลัง และสามารถขยายการให้บริการได้กว้างไกลยิ่งขึ้น

ตลอดหลายทศวรรษ ธนาคารออมสินเผชิญอุปสรรคมากมาย เช่น สงครามโลกครั้งที่สองและวิกฤตเศรษฐกิจหลายระลอก แต่ก็ยังคงยืนหยัดเป็นเสาหลักทางการเงินของชาติ โดยรักษาเจตนารมณ์ดั้งเดิมในการส่งเสริมการออมและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ปัจจุบัน ธนาคารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อการศึกษา สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และบริการธนาคารดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกวัยและทุกกลุ่ม ผลิตภัณฑ์และบริการ การปรับตัวนี้ไม่เพียงช่วยให้ธนาคารอยู่รอด แต่ยังเสริมบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

การแยกแยะ: ธนาคารออมสิน vs. ธนาคารแห่งประเทศไทย

ผู้คนจำนวนไม่น้อยมักสับสนระหว่างธนาคารออมสินกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะทั้งคู่มีคำว่า “ธนาคาร” และเป็นของรัฐ แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองมีบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในระบบเศรษฐกิจไทย

  • ธนาคารออมสิน (Government Savings Bank – GSB):
    • ประเภท: ธนาคารพาณิชย์ของรัฐ
    • หน้าที่หลัก: ให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนทั่วไป เช่น รับฝากเงิน สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อ SMEs สินเชื่อที่อยู่อาศัย และส่งเสริมการออม เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
    • กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป ผู้มีรายได้น้อย นักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบการ SMEs
    • ประวัติ: ก่อตั้งปี พ.ศ. 2456 ในนามคลังออมสิน โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand – BOT):
    • ประเภท: ธนาคารกลาง
    • หน้าที่หลัก: ดูแลนโยบายการเงิน เช่น ควบคุมอัตราดอกเบี้ย เสถียรภาพค่าเงินบาท การพิมพ์ธนบัตร การกำกับสถาบันการเงิน และเป็นธนาคารของรัฐบาลกับธนาคารอื่นๆ
    • กลุ่มเป้าหมาย: รัฐบาล ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน
    • ประวัติ: ก่อตั้งปี พ.ศ. 2485 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจชาติ ประวัติธนาคารแห่งประเทศไทย

กล่าวโดยรวม ธนาคารออมสินคือธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งบริการประชาชนโดยรัฐดูแล ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยคือผู้กำหนดทิศทางนโยบายการเงินภาพรวมของประเทศ

ธนาคารของรัฐกับบทบาททางเศรษฐกิจและสังคมไทยในปัจจุบัน

ธนาคารออมสินในฐานะธนาคารของรัฐแห่งแรก ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยยุคใหม่ นอกจากเป็นแหล่งทุนและบริการที่เข้าถึงง่ายแล้ว ธนาคารยังเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศหลายด้าน

  • การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion): ยังคงนำหน้าในการขยายโอกาสให้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่เข้าไม่ถึงธนาคารเอกชน เพื่อให้ได้สินเชื่อและบริการพื้นฐาน
  • สนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและ SMEs: ปล่อยสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร และธุรกิจขนาดกลาง-ย่อม ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย
  • ความมั่นคงทางสังคม: มีโครงการพิเศษ เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย การออมเพื่อการศึกษา หรือสินเชื่อช่วยเหลือในวิกฤต เพื่อสร้างความมั่นคงให้สังคม
  • การพัฒนาสู่ยุคดิจิทัล: ลงทุนในระบบธนาคารดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทำธุรกรรมได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยผ่านมือถือ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

บทบาทเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าธนาคารออมสินไม่ใช่แค่สถาบันแสวงกำไร แต่เป็นธนาคารที่มุ่งสังคม ตามพระราชดำริดั้งเดิมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งช่วยสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจและสังคมไทย

สรุป: มรดกของธนาคารของรัฐแห่งแรกต่อการเงินไทย

ธนาคารออมสิน ในฐานะธนาคารของรัฐแห่งแรกของไทย ได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ที่ส่งผลต่อการเงินและสังคมไทยตลอดกว่า 100 ปี จากพระราชวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเน้นการปลูกฝังการออมและโอกาสทางการเงินให้ประชาชน ธนาคารได้เติบโตและปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย

ไม่เพียงให้บริการทางการเงิน ธนาคารออมสินยังสนับสนุนนโยบายรัฐ สร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจ ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสำหรับทุกคน และเป็นฐานรากของเศรษฐกิจฐานรากกับสังคมที่เข้มแข็ง มรดกนี้พิสูจน์ว่าสถาบันการเงินสามารถเป็นเครื่องมือพัฒนาชาติและยกระดับชีวิตประชาชนได้จริง และยังคงมีบทบาทกำหนดอนาคตการเงินไทยต่อไป

1. ธนาคารของรัฐแห่งแรกของไทยคือธนาคารอะไร และก่อตั้งขึ้นเมื่อใด?

ธนาคารของรัฐแห่งแรกของไทยคือ ธนาคารออมสิน ซึ่งเริ่มต้นในนาม “คลังออมสิน” ตามพระราชบัญญัติคลังออมสิน พุทธศักราช 2456 และเปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2457 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)

2. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีบทบาทสำคัญอย่างไรในการก่อตั้งธนาคารออมสิน?

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงริเริ่มและมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “คลังออมสิน” เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการออมในหมู่ประชาชนสยาม และรวบรวมทุนสนับสนุนการพัฒนาประเทศ พระองค์คือผู้วางรากฐานสำคัญของธนาคารแห่งนี้

3. ธนาคารออมสินเป็นธนาคารของรัฐหรือเอกชน และมีหน้าที่หลักอะไรบ้างในปัจจุบัน?

ธนาคารออมสินเป็น ธนาคารของรัฐ ในฐานะรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงการคลัง หน้าที่หลักในปัจจุบัน ได้แก่ การให้บริการทางการเงินหลากหลาย เช่น รับฝากเงิน สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อ SMEs สินเชื่อที่อยู่อาศัย การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน และสนับสนุนนโยบายรัฐบาล

4. ธนาคารออมสินแตกต่างจากธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างไรในเชิงหน้าที่และประวัติศาสตร์?

ธนาคารออมสินเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่ให้บริการประชาชนทั่วไป โดยเน้นการออมและสินเชื่อ ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นธนาคารกลาง รับผิดชอบนโยบายการเงิน ควบคุมเงินเฟ้อ รักษาเสถียรภาพค่าเงิน และกำกับดูแลสถาบันการเงินต่างๆ

5. นอกเหนือจากธนาคารออมสินแล้ว มีธนาคารของรัฐแห่งอื่น ๆ ในประเทศไทยอีกหรือไม่?

มีครับ นอกจากธนาคารออมสิน ไทยยังมีธนาคารของรัฐอื่นๆ ที่ก่อตั้งเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น

  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
  • ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)

แต่ละแห่งมีบทบาทสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายและภาคเศรษฐกิจที่แตกต่าง

6. ธนาคารออมสินมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างไรตลอดประวัติศาสตร์?

ธนาคารออมสินมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยปลูกฝังการออม สร้างความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชน เป็นแหล่งทุนพัฒนาชาติ สนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและ SMEs และช่วยดำเนินนโยบายรัฐบาลในการบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤต

7. ประชาชนทั่วไปสามารถใช้บริการอะไรจากธนาคารออมสินได้บ้าง และมีข้อดีอย่างไร?

ประชาชนสามารถใช้บริการ เช่น ฝากเงินออมทรัพย์หรือประจำ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน รถ ธุรกิจ ประกันภัย การลงทุน และธนาคารดิจิทัลผ่านแอป MyMo ข้อดีคือความน่าเชื่อถือสูง ผลิตภัณฑ์เหมาะกับทุกกลุ่ม และสาขาเข้าถึงง่ายทั่วประเทศ

8. ธนาคารแห่งแรกของโลกคือธนาคารอะไร และแนวคิดนี้มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การธนาคารของไทยอย่างไร?

ธนาคารแห่งแรกของโลกที่ยอมรับกันคือ Banca Monte dei Paschi di Siena ก่อตั้งปี ค.ศ. 1472 ในอิตาลี แนวคิดการรวบรวมทุนและบริการประชาชนนี้แพร่กระจายทั่วโลก รวมถึงสยามที่ได้รับอิทธิพลจากระบบธนาคารตะวันตก ส่งผลให้เกิดการก่อตั้งคลังออมสินเพื่อระบบการเงินที่มั่นคงและทันสมัย

9. ธนาคารออมสินมีการปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลอย่างไรบ้าง?

ธนาคารออมสินปรับตัวสู่ดิจิทัลด้วยแอป MyMo ที่ช่วยทำธุรกรรม เช่น โอนเงิน จ่ายบิล ขอสินเชื่อ เช็กยอด อย่างสะดวกและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

10. การออมกับธนาคารของรัฐแห่งแรกของไทยมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยแค่ไหน?

การออมกับธนาคารออมสินมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นธนาคารรัฐภายใต้กระทรวงการคลัง มีกฎหมายเฉพาะรองรับอย่างพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน ซึ่งให้การคุ้มครองเงินฝากเต็มรูปแบบ แตกต่างจากธนาคารเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยและ พ.ร.บ. สถาบันการเงิน

Author photo

發佈留言