
Trailing Stop: 5 ข้อควรรู้สำหรับนักลงทุนไทย ปกป้องกำไร จำกัดขาดทุน ทำไมถึงสำคัญ?
Trailing Stop คืออะไร? ทำไมนักลงทุนต้องรู้จัก
คำสั่ง Trailing Stop หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า เทรลลิ่งสต็อป ถือเป็นกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงที่ช่วยให้นักลงทุนรักษากำไรไว้ได้ดีและตัดขาดทุนอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในตลาดที่ราคามีทิศทางชัดเจน ไม่เหมือนกับ Stop Loss แบบธรรมดาที่ตั้งราคาไว้ตายตัว Trailing Stop จะปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่เป็นผลดีต่อตำแหน่งของคุณ ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์การเทรดได้ดี

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจตลาดหุ้น คริปโต หรือฟอเร็กซ์ การรู้จักและนำ Trailing Stop มาใช้จะช่วยเสริมสร้างกลยุทธ์การลงทุนให้แข็งแกร่งขึ้น เครื่องมือนี้ไม่เพียงช่วยล็อกกำไรที่ได้มาแล้ว แต่ยังปล่อยให้โอกาสทำกำไรเพิ่มเติมถ้าราคายังไปต่อในทางบวก หากราคาเริ่มหันหัวสวนทาง มันจะปิดออเดอร์อัตโนมัติเพื่อไม่ให้ขาดทุนหนัก ส่งผลให้พอร์ตของคุณมั่นคงและลดความเครียดจากการเฝ้าตลาดตลอดเวลา นี่คือพื้นฐานที่ทุกคนที่ลงทุนควรศึกษาให้ละเอียด เพื่อนำไปปรับใช้ในสถานการณ์จริง
Trailing Stop ทำงานอย่างไร? กลไกที่ช่วยปกป้องพอร์ตคุณ
สิ่งที่ทำให้ Trailing Stop โดดเด่นคือกลไกการทำงานที่แตกต่างจาก Stop Loss ทั่วไปโดยสิ้นเชิง คุณเริ่มต้นโดยกำหนดระยะห่างจากราคาปัจจุบัน ซึ่งอาจเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนจุดที่ชัดเจน ระบบจะติดตามราคาและปรับระดับหยุดขาดทุนตามไปด้วย เมื่อราคาไปในทิศทางกำไร

ลองนึกภาพว่าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท และตั้ง Trailing Stop ที่ 5% ถ้าราคาขึ้นเป็น 110 บาท ระดับหยุดจะเลื่อนจาก 95 บาท ไปเป็น 104.5 บาททันที และจะตามขึ้นไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ราคายังดีต่อเนื่อง แต่ถ้าราคาเริ่มร่วงจากจุดสูงสุด เช่น ขึ้นถึง 120 บาท (หยุดที่ 114 บาท) แล้วลงมาถึง 114 บาท ระบบจะขายออกเพื่อล็อกกำไรและป้องกันการเสียหายเพิ่มเติม กลไกนี้ทำให้ Trailing Stop เหมาะกับตลาดที่มีเทรนด์ชัด เพราะช่วยให้คุณถือยาวเพื่อเก็บกำไรสูงสุด ขณะเดียวกันก็มีระบบป้องกันที่เชื่อถือได้ โดยไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอด เพราะทุกอย่างทำงานอัตโนมัติ ช่วยลดผลกระทบจากอารมณ์ในการตัดสินใจด้วย
Trailing Stop vs Stop Loss: ความแตกต่างสำคัญที่คุณต้องรู้
ทั้ง Trailing Stop และ Stop Loss ล้วนเป็นเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่ขาดไม่ได้ แต่กลไกและจุดประสงค์ต่างกันชัดเจน การรู้จุดต่างนี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้ได้ตรงกับสไตล์เทรดและสถานการณ์ตลาด

| คุณสมบัติ | Trailing Stop | Stop Loss |
|---|---|---|
| กลไก | ปรับตามราคาที่เคลื่อนไหวในทิศทางกำไร | ตั้งราคาคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง |
| วัตถุประสงค์ | ปกป้องกำไรและจำกัดขาดทุน | จำกัดขาดทุนเมื่อราคาสวนทาง |
| ความยืดหยุ่น | สูง เหมาะกับตลาดมีเทรนด์ | ต่ำกว่า เหมาะกับจุดออกที่แน่นอน |
| การจัดการ | อัตโนมัติ ไม่ต้องปรับบ่อย | ต้องปรับเองตามตลาด |
| สถานการณ์ | เหมาะกับการถือเพื่อเก็บกำไรในเทรนด์ขาขึ้น | เหมาะกับการตั้งจุดตัดขาดทุนชัดเจน |
Stop Loss แบบดั้งเดิมคือการกำหนดราคาที่ยอมรับขาดทุน เช่น ซื้อที่ 100 บาท ตั้งหยุดที่ 95 บาท ถ้าลงถึงจุดนั้นจะขายทันที แม้ราคาจะเคยพุ่งถึง 120 บาท แต่ระดับหยุดยังคงเดิม
ส่วน Trailing Stop ฉลาดกว่านั้น ถ้าราคาขึ้นจาก 100 เป็น 120 บาท ระดับหยุด 5% จะเลื่อนเป็น 114 บาท ทำให้คุณล็อกกำไรขั้นต่ำ ถ้าลงมาถึงจุดนั้น คุณยังกำไร 14 บาทต่อหุ้น สำหรับนักลงทุนไทย การเลือกระหว่างสองตัวนี้ขึ้นกับสไตล์ ถ้าชอบเกาะเทรนด์และปกป้องกำไร Trailing Stop ดีกว่า แต่ถ้าต้องการจุดตัดเร็วในเทรดสั้น Stop Loss อาจเหมาะกว่า สิ่งสำคัญคือเข้าใจจุดเด่นและข้อจำกัด เพื่อนำไปใช้บริหารพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีและข้อจำกัดของ Trailing Stop: ใช้ให้เป็น เพิ่มประสิทธิภาพการเทรด
Trailing Stop เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่การใช้งานให้ได้ผลต้องรู้ทั้งข้อดีและข้อจำกัด เพื่อให้เหมาะกับสภาพตลาดและสไตล์ของคุณ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทยที่มักผันผวนจากปัจจัยหลากหลาย
ข้อดีของ Trailing Stop
- ปกป้องกำไรโดยอัตโนมัติ: จุดเด่นหลักคือช่วยล็อกกำไรที่ได้มา ขณะที่ยังให้โอกาสราคาไปต่อ โดยไม่ต้องเฝ้าตลาด
- ลดอิทธิพลจากอารมณ์: เมื่อตั้งแล้วระบบทำงานเอง ช่วยป้องกันการตัดสินใจจากความกลัวหรือโลภ
- เหมาะกับตลาดมีแนวโน้ม: ในช่วงเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง มันช่วยให้คุณตามกระแสและเก็บกำไรสูงสุด โดยไม่พลาดโอกาส
- เสริมวินัยการเทรด: เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ช่วยจัดการความเสี่ยงและกำไรอย่างเป็นระเบียบ
ข้อจำกัดและข้อควรระวัง
- เสี่ยงในตลาดแกว่ง (Sideway): ถ้าตลาดผันผวนหรือเคลื่อนในกรอบแคบ ราคาอาจแกว่งทำให้หยุดถูกกระตุ้นบ่อย ส่งผลให้ปิดสถานะเร็วและพลาดกำไรเมื่อราคากลับ
- การตั้งค่าที่ไม่เหมาะ: ถ้าแคบเกินจะถูกหยุดบ่อย ถ้ากว้างเกินอาจเสียกำไรเยอะเมื่อราคาหัน
- ไม่เหมาะกับเหตุการณ์ใหญ่: ข่าวสำคัญหรือเหตุไม่คาดฝันอาจทำให้ราคาพุ่งผันผวน หยุดถูกกระตุ้นที่ราคาไม่ดี
- ค่าธรรมเนียมที่เพิ่ม: ถ้าถูกหยุดบ่อย ค่าเทรดอาจสะสมจนกระทบกำไรรวม
ในตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนจากข่าวภายในและภายนอก การใช้ Trailing Stop ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เช่น เลือกระยะที่เข้ากับความแกว่งของหุ้นแต่ละตัว การรู้ข้อดีข้อเสียจะช่วยให้คุณนำเครื่องมือนี้มาเสริมการเทรดได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการวิเคราะห์ตลาดเบื้องต้นเพื่อปรับให้เหมาะสม
วิธีตั้งค่า Trailing Stop บนแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับนักลงทุนไทย
นักลงทุนไทยหลายคนอาจสงสัยวิธีตั้ง Trailing Stop บนแพลตฟอร์มที่ใช้จริง เพราะข้อมูลภาษาไทยยังไม่ค่อยครบถ้วน บทความนี้จะอธิบายทีละขั้นตอนสำหรับแพลตฟอร์มยอดฮิต เพื่อให้คุณเริ่มใช้ได้ทันที
การตั้งค่า Trailing Stop ใน Streaming (Settrade)
Settrade Streaming เป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่นักลงทุนไทยนิยมใช้ คำสั่ง Trailing Stop มักเรียกว่า “Trailing Stop Order” หรืออยู่ในเมนูคำสั่งพิเศษ
- เข้าสู่ระบบ: ล็อกอินแอปหรือเว็บ Settrade Streaming
- เลือกเมนูซื้อ/ขาย: ไปที่หน้า Buy/Sell หรือ Order
- เลือกหุ้น: พิมพ์ชื่อหุ้นที่ต้องการตั้ง
- เลือกประเภทคำสั่ง: เลือก Sell หรือ Short Sell แล้วหาตัวเลือก Trailing Stop Order หรือ Conditional Order
- กำหนดราคาเริ่มต้น: ตั้งราคาที่จะเริ่มทำงาน
- กำหนดระยะห่าง: ใส่เปอร์เซ็นต์หรือจุด เช่น 5% หรือ 0.50 บาท
- กำหนดราคาลิมิต: ใส่ราคาขายเมื่อถูกกระตุ้น (มักเป็นราคาตลาดหรือต่ำกว่าเล็กน้อย)
- ยืนยัน: ตรวจสอบแล้วกดยืนยัน
ข้อควรระวัง: คำสั่งใน Streaming มักมีอายุจำกัด เช่น สิ้นวันหรือสิ้นสัปดาห์ ต้องตั้งใหม่ถ้าหมดอายุ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มจาก SETTRADE Order Types
Trailing Stop บน Binance: สำหรับสายคริปโต
Binance เป็นแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำที่มีฟีเจอร์ Trailing Stop สำหรับเทรดดิจิทัล
- เข้าสู่ระบบ: ล็อกอินบัญชี Binance
- ไปหน้าเทรด: เลือก Trade แล้ว Spot หรือ Futures
- เลือกคู่: เช่น BTC/USDT
- เลือกประเภท: เปลี่ยนจาก Limit/Market เป็น Stop-Limit หรือ Trailing Stop
- ตั้งค่า:
- Activation Price: ราคาเริ่มทำงาน
- Trailing Delta: เปอร์เซ็นต์ เช่น 1-2%
- Limit Price: ราคาขายเมื่อกระตุ้น
- Amount: จำนวนคริปโต
- ส่งคำสั่ง: ตรวจสอบแล้วกด Sell/Buy
ข้อควรระวัง: ใน Futures มีเลเวอเรจสูง ต้องเข้าใจความเสี่ยง ดูเพิ่มเติมจาก Binance Academy
การตั้งค่า Trailing Stop ใน MT5 (ทั้ง PC และมือถือ)
MetaTrader 5 (MT5) ยอดนิยมสำหรับฟอเร็กซ์ CFDs และโภคภัณฑ์ ไม่มี Trailing Stop ในตัวตอนเปิดออเดอร์ แต่ตั้งได้หลังเปิด
บน PC:
- เปิดสถานะ: Buy หรือ Sell ตามปกติ
- คลิกขวา: ใน Terminal (Ctrl+T) คลิกขวาที่สถานะ
- เลือก Trailing Stop: จากเมนู
- กำหนดจุด: เลือก 15, 20, 30 จุด หรือ Custom
- เปิดใช้งาน: ทำงานทันที
บนมือถือ (iOS/Android):
- เปิดสถานะ: ตามปกติ
- แตะค้าง: ในแท็บ Trade
- Modify Position: แก้ไข
- ปรับ Stop Loss: ด้วยตนเองตามราคา หรือใช้ EA บน PC
ข้อควรระวัง: ต้องเปิด MT5 และเชื่อมต่อ หยุดถ้าปิดโปรแกรม บนมือถือปรับเองบ่อย ดูเพิ่มจากโบรกเกอร์หรือ Investopedia – MetaTrader 4/5
กลยุทธ์ Trailing Stop ขั้นสูงและข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
การใช้ Trailing Stop ให้ได้ผลไม่ใช่แค่ตั้งแล้วรอ แต่ต้องมีกลยุทธ์และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด เพื่อให้การเทรดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
การเลือกเปอร์เซ็นต์หรือจุดที่เหมาะสม
หัวใจของการตั้งค่าคือการเลือกระยะที่พอดี:
- ดูความผันผวน: หุ้นผันผวนสูงตั้งกว้างหน่อยเพื่อไม่ให้ถูกหยุดบ่อย สินทรัพย์นิ่งตั้งแคบได้
- กรอบเวลา: เทรดสั้นใช้ 0.5-2% เทรดยาว 5-10% เพื่อให้ราคามีพื้นที่
- แนวรับต้าน: ตั้งต่ำแนวรับหรือสูงแนวต้านเล็กน้อยสำหรับ Short เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
การปรับตามปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ Trailing Stop ทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการวิเคราะห์กราฟเบื้องต้น
การใช้ Trailing Stop ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ
เพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น จับคู่กับอินดิเคเตอร์:
- Moving Average: ตั้งหยุดใต้ MA 20 หรือ 50 เมื่อราคาอยู่เหนือ เพื่อตามเทรนด์
- RSI: ใช้ดู Overbought/Oversold เพื่อเตรียมปรับหยุดหรือปิดสถานะ
- ATR: วัดความผันผวนเพื่อตั้งระยะที่เหมาะกับตลาดปัจจุบัน
การรวมเหล่านี้จะทำให้ Trailing Stop ไม่ใช่แค่เครื่องมือเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบเทรดที่สมบูรณ์
ข้อผิดพลาดที่นักลงทุนไทยพบบ่อยในการใช้ Trailing Stop
- ตั้งแคบเกิน: ในหุ้นไทยที่แกว่งง่าย ทำให้หยุดบ่อยและพลาดกำไร
- ใช้ใน Sideway: ไม่เหมาะเพราะจะเทรดบ่อย เสียค่าธรรมเนียมเปล่า
- ไม่ปรับตามตลาด: ตลาดเปลี่ยน ต้องทบทวนค่าเป็นระยะ
- สับสนกับ Stop Loss: ใช้ผิดจุดประสงค์
- ละเลยค่าธรรมเนียม: หยุดบ่อยทำให้สเปรดและค่าคอมกินกำไร
หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ด้วยการทดลองในบัญชีเดโมก่อน แล้วนำกลยุทธ์ขั้นสูงมาปรับใช้ จะช่วยให้นักลงทุนไทยใช้ Trailing Stop เป็นอาวุธที่ทรงพลัง สร้างกำไรยั่งยืน
สรุป: Trailing Stop เครื่องมือทรงพลังเพื่อการเทรดที่มั่นคง
Trailing Stop ไม่ใช่แค่คำสั่งหยุดธรรมดา แต่เป็นกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงที่ช่วยปกป้องกำไร ขณะที่ยังให้โอกาสทำกำไรเพิ่มในตลาดที่มีทิศทางชัด
ด้วยการปรับตามราคาที่ไปในทางบวก มันลดอารมณ์ เพิ่มวินัย และเหมาะกับการตามเทรนด์ในหุ้นไทย คริปโต หรือฟอเร็กซ์ การรู้กลไก ความต่างจาก Stop Loss ข้อดีข้อเสีย เป็นกุญแจสำคัญ
ใช้ให้มีประสิทธิภาพต้องตั้งค่าตามความผันผวน เลือกระยะรอบคอบ และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด เช่น ตั้งแคบหรือใช้ใน Sideway สรุปแล้ว Trailing Stop ช่วยให้เทรดมั่นคง ปกป้องทุน และเพิ่มโอกาสกำไรระยะยาว การฝึกใช้บนแพลตฟอร์มตัวเองจะยกระดับกลยุทธ์ของคุณได้ชัดเจน
Trailing Stop ตั้ง อย่างไร บน Streaming (Settrade)?
คุณสามารถตั้งค่า Trailing Stop บน Settrade Streaming ได้โดยเข้าสู่เมนู “Buy/Sell” เลือกหุ้นที่ต้องการ จากนั้นมองหาประเภทคำสั่ง “Trailing Stop Order” หรือ “Conditional Order” กำหนดราคาเริ่มต้น, เปอร์เซ็นต์หรือจุด Trailing, และราคา Limit แล้วยืนยันคำสั่ง โปรดทราบว่าคำสั่งอาจมีอายุจำกัด
Trailing Stop บน Binance ใช้ยังไง สำหรับการเทรดคริปโต?
บน Binance ให้ไปที่หน้าเทรด Spot หรือ Futures เลือกคู่คริปโตที่ต้องการ จากนั้นเปลี่ยนประเภทคำสั่งเป็น “Trailing Stop” (หากมีโดยตรง) หรือ “Stop-Limit” แล้วกำหนด Activation Price, Trailing Delta (เปอร์เซ็นต์), Limit Price และจำนวนที่ต้องการซื้อ/ขาย
การตั้ง Trailing Stop ใน MT5 มือถือ มีขั้นตอนอย่างไร?
MT5 บนมือถือไม่มีฟังก์ชัน Trailing Stop ในตัว คุณจะต้องเปิดสถานะก่อน จากนั้นไปที่แท็บ “Trade” แตะค้างที่สถานะแล้วเลือก “Modify Position” และปรับ Stop Loss ด้วยตนเองเมื่อราคามีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ทำกำไร
Trailing Stop กับ Stop Loss แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้อันไหนดี?
Trailing Stop เป็นคำสั่งหยุดการขาดทุนแบบไดนามิกที่ปรับระดับตามราคาที่ทำกำไร ช่วยปกป้องกำไรไปพร้อมกับการจำกัดการขาดทุน ในขณะที่ Stop Loss เป็นคำสั่งหยุดการขาดทุนแบบราคาตายตัว ควรเลือก Trailing Stop เมื่อต้องการเกาะเทรนด์และปกป้องกำไรในตลาดที่มีแนวโน้ม และเลือก Stop Loss เมื่อต้องการจำกัดความเสี่ยงที่จุดแน่นอน
ควรตั้งค่า Trailing Stop กี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะเหมาะสมกับหุ้นไทย?
ไม่มีเปอร์เซ็นต์ที่ตายตัวสำหรับหุ้นไทย การตั้งค่าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความผันผวนของหุ้นแต่ละตัวและกรอบเวลาการเทรดของคุณ โดยทั่วไปอาจอยู่ในช่วง 2-10% สำหรับหุ้นที่มีความผันผวนสูงควรตั้งให้กว้างขึ้น เพื่อป้องกันการถูก Stop Out บ่อยครั้ง
ถ้าตลาดหุ้นไทยผันผวนมาก Trailing Stop จะช่วยป้องกันขาดทุนได้จริงหรือ?
Trailing Stop ช่วยจำกัดการขาดทุนและปกป้องกำไรได้จริงในตลาดผันผวน แต่หากความผันผวนรุนแรงและราคาแกว่งตัวในกรอบแคบ (Sideway) อาจทำให้ Trailing Stop ถูกกระตุ้นบ่อยครั้งและปิดสถานะเร็วเกินไป การตั้งค่าที่เหมาะสมกับความผันผวนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
Trailing Start คืออะไร และแตกต่างจาก Trailing Stop อย่างไรในการเทรด?
Trailing Start เป็นคำสั่งที่คล้ายคลึงกับ Trailing Stop แต่ใช้เพื่อ “เริ่มต้น” การเทรดเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการในระยะหนึ่งก่อนที่จะเปิดสถานะ ส่วน Trailing Stop ใช้เพื่อ “ปิด” สถานะเมื่อราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับกำไร
มีข้อควรระวังพิเศษอะไรบ้างในการใช้ Trailing Stop ในตลาด Forex ของไทย?
ในตลาด Forex ของไทย ควรระวังเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท สเปรด (Spread) ที่อาจกว้างขึ้นในช่วงเวลาข่าวสำคัญ และการทำงานของ Trailing Stop บนแพลตฟอร์ม MT5 ที่ต้องเปิดโปรแกรมทิ้งไว้ หากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร คำสั่งอาจไม่ถูกส่งออกไปอย่างถูกต้อง
สามารถใช้ Trailing Stop กับการลงทุนระยะยาวในกองทุนรวมได้หรือไม่?
โดยทั่วไป Trailing Stop ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการลงทุนระยะยาวในกองทุนรวมโดยตรง เนื่องจากกองทุนรวมมีกลไกการซื้อขายที่แตกต่างกันและเน้นการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจใช้หลักการคล้ายกันในการกำหนดจุดขายออกเพื่อปกป้องกำไรจากราคา NAV ที่สูงสุดที่เคยทำได้
หากสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร Trailing Stop จะทำงานผิดพลาดไหม?
ใช่ หากสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียรหรือขาดการเชื่อมต่อ Trailing Stop อาจทำงานผิดพลาดหรือคำสั่งไม่ถูกส่งออกไปตามเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มเช่น MT5 ที่ต้องเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยง ควรตรวจสอบความเสถียรของอินเทอร์เน็ตอยู่เสมอ
發佈留言
很抱歉,必須登入網站才能發佈留言。